Thursday, February 5, 2009

สมบัติอมรินทร์คำกลอน

บ่า่งองล์อัมเรสร์อดิศร

ผ่านสมบัติในสุทัสนนคร สถาวรไปด้วยทิพศวรรยา
เอาสูงพื้นหมื่นแสนพระเมรุมาศ เป็นอาสน์ทองรองดาวดึงสา
กว้างยาวหมึ่นโยชน์คณนา ประคับปราการแก้วแกมกัน
สี่ทิศมีมหาทวาเรศ ระหว่างเขตหมึ่นโยชน์ระยะคั่น
ประตูรายหมายยอคสำกัญพัน มีสระสวนทุกหลั่นทวาไร ๆ
เจ็ดชั้นวชยันคปราสาท สี่มุขมาศคาดแก้วจำรัสไข
สูงพันโยชน์งามทีที่ใกล้ไกล มีธงชัยเฉลิมยอคพิมานทอง
ดังเบื้องพระกรพระบรมพรหเบศร์ กวักประเวศเทวัญบัญชาสนอง
ระยับคั่นแก้วกั้นกระหนกกรอง ประลองแสงล้ำแสงพระสุริยา
ที่เชิงปรางค์ในระหว่างจังหวัดนั้น รูปเทวัญถือทิพบุปผา
บ้า้งทรงปัญจาวุธบนอาชา เอามุกดาเป็นสร้อยวลัยกร
งามคณานางชูสุหร่ายสรง รูปอนงค์แก้วประพาฬประภัสสร
สลับไพฑูรย์องค์วิชาธร ทรงอาภรณ์ล้วนมณีนิล
หนึ่งแถวไม้กำมพฤกษ่ที่นึกทิพ จะนับแสนแทนสิบก็เกินถวิล
มีทรายทองรองรับกับพื้นดิน ประพรมสินธุ์เสาวรสจรุงใจ
ก่าแพงแก้วล้วนแก้วทองเจ็คชั้น ตาลสุวววณรุ่นรื่นเรียงไสว
เมึ่อลมพัดก็สะบัดสำเนียงใบ เฉลิมโสตหฤทัยดังดนตรี
หนึ่งโรงเทวสภาอันเนืองนิจ ควรพิศพื้นแก้วทั้งเจ็ดสี
สูงหาร้อยโยชน์สุดบราลี ท่วงทีเทิ้งทองทิฆัมพร
ฉลุบันก้านเกี้ยวเลี้ยวลด ช้อยชดเศียรสีหไกรสร
ช่อฟ้าชวนฟ้าให้ชมงอน แก้วทอนท่อนช้อนลำยองเรียง
บุพปขดารด้านฝาผนังเพชร มุมเม็ดเก็จกั้นเชิงเฉลียง
จระนำเจียระไนไพฑูรย์แท่ง ดวงแดงสุริยาวายังหมอง
บังอวจพิงอิงพาดจพนักรอง เขนยทองขนัดแท่นมณีนิล ฯ
ชานชาลาหน้าหลังพระลานมาศ ศิลาลาดแลกว้างเล่ห์ทางสินธุ์
อ่อนละไมใยทิพโกมิน มลทินมิได้สุมอยู่รุมราย
มีลมหนึ่งหอบหวนประมวลพัด ระบัดดวงปทุมามากรองถวาย
เป็นสิงหราชผาดเผ่นผยองกาย คชาส่ายงารำสำเริงเริง
บ้างร้อยรุมโกสุมเป็นสิงห์ขนัด ดูเอี้ยวอัดชัดเท้าจะโลดเถลิง
งามบุปผาอาชาประลองเชิง ที่ละเลิงเลี้ยวไล่ลำพองคะนอง
มะลุลีสารภีพิกุลแก้ว เป็นถ่องแถ้วมฤคีที่เยื้องย่อง
บ้างพัดดวงมณฑามากรายกรอง บนตั่งทองหอมฟุ้งจรุงใจ
ยังมีลมหนื่งรับเอาบุปผา ที่โรยรสพัดพาไปเนินไศล
เอาสินธุใสสินมลทินไคล มาพรมในรัถยาศิลาลาย ๆ 1
หนึ่งเจดีย์พระจุฬามณีสถต อันไพจิตรด้วยฤทธิ์สุเรนทร์ถวาย
สูงร้อยโยชนโชติช่วงประกายพราย ยิ่งแสงสายอสุนีในอัมพร
เชิญเขี้ยวขวาเบื้องบนซระทนต์ธาตุ ทรงวิลาศไปด้วยสีประภัสสร
แทนสมเด็จพระสรรเพชญ์ชิเนนทร สถาวรไว้ในห้องพระเจคีย์
ประดิษฐ์บนพระมหาจุฬารัตน่ เป็นที่แสนโสมนัสแห่งโกสีย์
กับสุราสุรเทพนารี ดั่งจะชี้ศิวโมกข์ให้เทวัญ
ประดับค้วยราชวัติฉัตรแก้ว พรายแพร้วลายทรงบรรจงสรรค์
ระบายห้อยพลอยนิลสุวรรณพรรณ เจ็ดชั้นเรียวรัดสันทัดงาม
ดั่งฉัตรเศวตพรหเมศร์ครรไลหงส์ เมื่อกั้นทรงพุทธาภิเษกสนาม
ยื่งดวงจันทร์พ้นแสงสมัยยาม อร่ามทองแกมแก้วอลงกรณ่
ครั้นถ้วนถึงวันครบอุโบสถ กำหนดพร้อมด้วยสุราสรางค์สมร
บูชาเครึ่องเสาวรสสุคนธร ข้าวตอกแก้วแกมช้อนสุมามาลย์
บ้างเริงรึ่นชึ่นชมประนมหัตถ์ กระทำทักษิกาวัฏบรรณสถาน
ประนอมจบเคารพไตรทวาร แล้วลีลาศยังสถานพิมานจันทน์ี้
มีพระยาไม้ปาริกชาติ ประจำเชิงเมรุมาศมไหศวรรย์
สูงร้อยโยชน์ยิ่งไม้ในหิมวันต์ ทรงสุคันธ์ทิพรสขจายจร
กลิ่นบุปผาฟุ้งฟ้าไปร้อยโยชน์ อบเอารสธาโรชเกสร
ทั่วสถานพิมานเทวนิกร เบิกบัญชรพิศงามเมื่อยามบาน
เพึ่อองค์วาสวรินทร์เทวราช ประเวศน์อาสน์ร่มไม้มณฑลสถาน
ประยูรหมู่สุรเทพเยาวมาลย์ สำราญรมย์ชมช่อมณีผกา
บักฑุกัมพลอาสน์ศิลาทิพ กำหนดสิบห้าโยชน์โดยหนา
กว้างสองหมึ่นโยชน์เจษฏา เป็นมหาบัลลังก์แก้วอำไพ
ยาวหกหมึ่นโยชน์แดงก่ำ ดั่งน้ำปัทมราชอันสุกใส
เจริญสวสัสดิโสมนัสแก่หัสนัยน์ ชุ่มฤทัยไปด้วยรสสุมาลี ฯ
อันภายนอกพระนครทั้งสี่ทิศ ย่อมโสภิตสระสวนเกษมศรี
แต่นามนันทวันโบกขรณี เป็นพื้นที่สนานสนุกแห่งเทวัญ
ระเบียบสระทั้งสี่วารีทิพ เหมือนจะหยิบเสาวรสให้ทรงสรรค์
มีโกสุมปทุมช้อนสลับกัน ทั้งชั้นสัตวาจงกลบาน
กว้างยาวร้อยโยชน์จตุรัส ให้โสมนัสในท่าสินธุสนาน
แม้นจิตสวิลว่าจะลงไปสรงธาร ก็บันดาลพุ่งพุ็งมายังองก์
มีขนานนาวาเป็นคู่คู่ ลอยชูกิ่งแก้วอันระหง
พระที่นั่งบุษบกบัลลังก์ทรง อลงกตด้วยโฉมสุรางค์นาง
งามระหงทรงพู่มรกค ช้อยชดช่อห้อยกระหนกหาง
ทรงชึ่งมุขสี่ด้านพิมานปรางค์ ไว้หว่างท่วงทีละอย่างกัน
หนึ่งเรือชัยฉากพายทองท่อง นางประจำลำร้องเพลงสวรรค์
หวนสำเนียงครวญเสียงโอดพัน เกษมสันต์ด้วยเทวนิกร ฯ
ในอุทยานนันทวันที่ประพาส รุกขชาติร่มรึ่นเกษมสลอน
มณฑาไม้ทิพรสขจายกร แก้วซ้อนเกดแ็ซมผกากาญจน์
รกฟ้ารังฟุ้งหวนหอม ประยงค์เปรียงพะยอมกลิ่นหอมหวาน
เสาวรสส่งรสสุมามาลย์ ลมพานเลึ่อนพวงลงร่วงราย
อุทยานมีมิ่งไม้สูงระหง จันทน์แดงเดื่อดงขล้อขลาย
กุหลาบกาหลงแลยางทราย กุ่มงอกแกมหงายสลับกัน
พุดจีบพวงจาบพิมเสนสน จำปาจวงปนนมสวรรค์
แคฝอยเค็ดฝิ่นโมกมัน กลำพอกลำพันคนทา
ควรพิศจิตรลดาวันสถาน มะลิพันเลื้อยพานพฤกษา
ช้องนางช้างน้าวมะลิลา มะลุลีลอยฟ้าดอกสะพรั่งไพร
ยมโดยแย้มดอกออกสลอน อัญชันอ่อนช้อยยอดไสว
สายหยุคส่งเสาวรสไกล กล้วยไม้เกลึ่อนหมู่เถาวัลย์
อันปารุสกวันซึ่งทรงผล ปรางปนปริงปานดังรังสรรค์
พวงหว้าพลับหวานม่วงมัน เกดจันทน์กำจัดไฟเฟือง
แลยอลำไยเรียงขนัด ขวิดสละขว้าวสลัดใบเหลือง
สวายสอไสวสีเึ่รื่อเรือง ชิดเนึ่องชั้นเนินกัทลี ฯ
พระอินทร์ตามนางสุชาดา
ปิ่นบูรินทรราชอคิศร ขจรเกียรติเกริ่นฟ้าทุกราศี
กับสามองค์อัคเรศเทวี มีพระนามเนืองนับสุธรรมา
สุจิตราสุนันทาวิไลลักษณ์ เจริญพักตร์ในเทวนาถา
สุรางค์นาฎชึ่งเป็นบาทบริจา ดั่งดาราในหมึ่นจักรวาล
พระลดองก์ลงเหนือบัลลังก์รัตน์ เกษมสวัสดิ์ด้วยบำรุงบำเรอสถาน
พลางพิศโฉมวธุรสยุพาพาล ชึ่งโดยเสด็จมาสำราญพิมานทอง
คำนึงถึงสุชาดายุพาพักตร์ เคยร่วมรักฤๅมาร้างดังหมางหมอง
นิจจาเอ๋ยเหมือนพี่เมินสะเทิ้นครอง ไฉนน้องเจ้ามาไค้อาดูร
จึงส่องดวงเนตรทิพลงหยิบเหตุ เห็นประเวศอยู่ในภพอสูร
จะสำราญยังพิมานไพฑูรย์ ฤๅจะพูนสวัสดิ์ในวิไชยันต์
โอ้ปางนี้ควรพี่จะพาสมร เดินอัมพรมาพิมานแมนสวรรค์
จะไว้ยศปรากฎให้พร้อมกัน เป็นจอมจรรโลงเทพนารี
ครั้นเสร็จถวิลปิ่นภพอัมเรศร์ ไม่สั่งองค์อัคเรศมเหสี
พระทรงวชิราวุธแล้วจรลี ยังมหาธานีอสุรา ฯ
บังองก์สารถีผู้ชาญฤทธิ กำหนดคิดดำเนินเทวนาถา
ก็แจ้งในฤทัยทิพอัชฌา จึงแต่งรัถาตามเสด็จจร
มหาเวชยันต์ราชรถ อลงกตด้วยแก้วประภัสสร
หกหมึ่นเส้นสุดท้ายธงเงื้อมงอน เทวบุตรอัสดรกำหนดพัน
นิรมิตเป็นสินธพชัก จักรดุมเลื่อนเหียนดั่งกังหัน
งามดังดวงเทพสุริยัน เมึ่อพุ่งแสงสัตพ้นไปอัสดง
บัลลังก์แก้วแลคันเศวตฉัตร กำหนดยาวโยชน์ทัดงามระหง
เครึ่องสูงจูงจิตให้พิศทรง ก็ขับลงยังพิภพอสุรี
ฝ่ายองกเนวาสิกาสูร สมบูรณ์ด้วยสมบัติดังโกสีย์
ตั้งพิมานสถานราชธานี ในระหว่างตรีกูฏใต้พระเมรุธร
ประดับด้วยเสนางค์สุรางค์นาฎ ท้าวมีราชธิดาดวงสมร
ไม่ประสงค์ที่จะทรงสยุมพร ก็อาวรณ์ทื่จะครองพระวงศ์ไป
ให้ประชุมมาวหมู่อสูรภพ ในมณฑปไพชยนต์พินิจฉัย
เสด็จนำพระยาธิดาใจ ให้นั่งในอาสน์แก้วอันพรรณราย
ฝ่ายองค์วาสวรินทร์ผู้ทรงจักร ประเวศยังกรุงยักษ์ก็สมหมาย
จึ่งอ่านเวทบังเนตรจำแลงกาย ก็กลายเป็นพฤฒาอสุรี
ยุรยายรเข้าในอาสนบประชุมพร้อม นั่งปลอมองค์อยู่ด้วยวงศ์ยักษี
พินิจพิศโฉมราชเทวี พลางระวังมารที่จะราญรอน ๆ
ส่วนเนวาสิกาสูรราช ถนอมสวาทพระธิดาดวงสมร
อ้าแม้มีพักตร์อันสุนทร จงผ่อนจิตคิดคำของบิดา
อสูรใคที่จะครองประคองสม เป็นคู่ชมชูชื่นเสน่หา
จงสวมพวงทองทิพมาลา ที่หัตถาให้ประจักษ์อสุรี
บัดองค์สุชาดาวิไลลักษณ์ เฟี้ยมพักตร์คิคคำท้าวยักษี
ความอายฤๅจะวายแก่สตรี มิรู้ที่จะประกอบให้ชอบการ
จำจิตเกรงฤทธิ์พระปิตุราช เบื้องวิลาสจาอาสน์พิมานสถาน
ชม้ายชายนัยนายุพาพาล ที่ประชุมมารหมู่พลากร
เห็นโฉมเทพสุราพฤฒาสูร ให้พูนสวัสดิ์โสมนัสฤทัยสมร
สลัดพวงเสาวรธสุคนธร ไปสวมกรอสุราชหัสนัยน์
โฉมสุรางค์อสุรีอันมีศักดิ์ เหล่าย้กษ์ที่ประชุมก็สงสัย
องค์ธิดามิได้คิดอาลัยใจ เสน่ห์ในอสุราทิพาพงศ์
กระสันแสนเสน่หาพฤฒายักษ์ ไปรักกาพาสูญประยูรหงส์
ก็ซร้องเสียงพร้อมทูลพระบิตุรงค์ ให้เชิญองค์นางคืนพิมานจันทน์ ฯ
ปิ่นบุรินทรราชอันเรึองฤทธิ์ ประกาศิคในสองชั้นสวรรค์
แสดงกายให้ประจักษ์แก่กุมภัณฑ์ ผันพักคร์เข้าประคองพนิคา
อุ้มนางทางเทวสิงหนาท ร้องประกาศเหวยมารยักษา
กูเรืองฤทธิ์อิศเรศในเทวา ผ่านมหาสุทัสนธานี
หวังว่าจะพาดวงสวาท นิราศจากอสูรภพแห่งยักษี
แลวผาดแผลงแกว่งจักรด้วยฤทธี จรลีขึ้นยังทิฆัมพร ฯ
เนวาสิกาสูรฤทธิรงก์ เห็นองค์วัชรินทร์พาสมร
ในท่ามกลางแสนยาพลากร ให้อาวรณ์ร้อนเร่าซึ่งอัประมาณ
ดั่งไฟฟ้าผ่าดวงมาโนช อสูรโกรธคือเพลิงเถลิงผลาญ
แล้วเผ่นโผนเหาะไล่ไปรอนราญ กำลังหาญจะให้ทันัซึ่งไพรี
เหลียวสั่งหมู่มารยันชาญฤทธิ์ เร่งประชิดติดตามท้าวโกสีย์
ไม่ต่อรับจับเป็นไปธานี เเม้นตอบตีโยธีจึงเอาตาย
เสนารับรสพจนารถ ประกาศหมู่อสูรทั้งหลาย
เห็นได้ทีไพรีแต่เดียวกาย ก็รีบหมายไล่ชิงซึ่งกัลยา ๆ
พระจอมมิ่งมงกุฎทิพเทเวศ หัตถ์ซ้ายอุ้มอัคเรศเสน่หา
กรขวาทรงจักรอันศักคา เหาะมาพบรถวิไชยันค์
สมประสงค์ดั่งองค์สเรนทร์คิด เทวฤทธิ์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ประคองโฉมสุชาดาวิลาวัลย์ จรจรัลขึ้นราชรถชัย
วางองค์ลงเหนือบัลลังก์รัตน์ พระกล่าวอรรถโอภาปราศรัย
เจ้าดวงสมรแม่อย่าอาวรณ์ใจ อันภัยมารมิให้ระคายกาย
สุชาดาน้อมองค์ลงทูลสนอง ไม่ปองจิตคิดจงจำนงหมาย
คืนไปกรุงอสุรีให้มีลาย จะสู้วายชีพใต้บทมาลย์
พอเหลือบเห็นอสุราเข้ามาชิด ประกาศิคชึ่งเทวบรรหาร
ให้รีบเร่งรถแก้วสุรกานฑ์ ผยองผ่านสิมพลีสกุณา
สารถีให้ทีสินธพชัก จักรกงกำก้องพระเวหา
สนั่นเสียงเท้าเทวอาชา เริงร่าลำพองด้วยฤทธี
ส่วนสุบรรณโปดกปักษิน ได้ยินกงรถแห่งโกสีย์
ก้องสะเทือนเลึ่อนลั่นถึงสิมพลี ดั่งอสุนีผ่าพื้นพิมานทอง
ต่างตระหนกตกใจไมมีขวัญ สร้อยเศียรชูชันเสียวสยอง
กระหยับหางกางปีกกระพือลอง ก็บรรสานเสียงร้องขึ้นทุกคน
พระตรัสถามสารถีที่ขับรถ สำเนียงใดปรากฏในกลางหน
น้อมภิวาททูลบาทยุคล ว่ามาใกล้ไพชยนต์สิมพลี
ลูกสุบรรณตกใจวิไชยันต์ กงสนั่นลั่นก้องถึงปักษี
ประหวั่นพรั่นเสียงรถและพาชี สกุณีจึ่งร้องด้วยกลัวภัย ๆ
ผ่า่ยองค์วัชรินทร์เทวราช ได้เสาวนารถมาตุลีก็หม่นไหม้
ให้อาวรณ์เร่าร้อนในฤทัย จะรีบไยไปให้พ้นอสุรา
เหมือนไมีมีอาลัยแก่ปักพิน แม้นม้วยด้วยไพรินยักษา
ไม่สูญเสียทางธรรม์อันศักคา จะตั้งเมตตาไว้ให้ถาวร
จึงสั่งให้กลับราชรถทรง ดุรงค์รู้บรรหารด้วยชาญสมร
ประทับไว้ในวิถีทิฆัมพร เฉลิมงอนต่อพาลไพรี ๆ
ฝ่ายเนวาสิกาสุรราช ผาดเห็นธงรถทรงท้าวโกสีย์
สะบัดโบกหน้ามายังโยธี หมายว่าหนีฤๅจะพ้นชึ่งมือมาร
แล้วประหวั่นพรั่นในฤทัยคิด ด้วยบุญฤทธิ์อัมราศักคาหาญ
ดั่งเทวัญพันหมื่นจักรวาล มาคงราญรอนทัพอสุรา
ให้สลดระทดระทวยองค์ เหมือนจะท่าวทบลงในเวหา
ไม่อาจรอต่อเทวศักคา เลิกแสนยากรกลับไปธานี ๆ
วัชรินทรราชฤทธิรงค์ เห็นองก์เนวาสิกาสูรยักษี
แสยงเดชอิศเรศไม่ต่อตีI ยกโยธีหนีกลับไปเมืองมาร
สั่งให้เดินโยธาวิชัยรถ บทจรคืนไพชยนต์สถาน
สารถีรับเทวโองการ ก็ขับผ่านสิมพลีพิมานไป ๆ

พระอินทร์คืนนคร
ดำเนินโดยอากาศวิถี ตามราศีจักรวาลหว่างไศล
พระชี้ชวนสุชาดายาใจ ให้ชมน้ำในสีทันดร
แปดหมึ่นสี่พันโยชน์ลึกกว้าง อยู่หว่างมหาสิงขร
กำหนดเขาสัตตภัณฑ์ชโลธร ชะง่อนสูงกว้างลึกละกึ่งกัน
ใสสะอาดมาตรแม้นมยุรหงส์ จะวางแววหางลงไม่หวนหัน
จนกระทั่งทรายแก้วอันแพรวพรรณ เจ็ดชั้นล้อมรอบพระเมรุทอง
ฝูงพระยาวาสุกรีลงสรงเล่น โลดเต้นฝ่าหลังชลาล่อง
ฉวัดเฉวียนเวียนพ่นบังหวนฟอง ละอองน้ำดั่งสายสุหร่ายริน
จึ่งเบือนพักตร์ไปพิศสาคเรศ นอกเขตเขาอัสกรรณกระแสสินธุ์
ดั่งคงคาในท่ามุจลินท์ สิ่งมลทินมิได้ปนระคนพาน
ขนองคลื่นสูงแต่พื้นสมุทร หกสิบโยชน์โดยสุดประมาณสถาน
ชมมหามัจฉาเจ็ดประการ บ้างว่ายแหวกแถกธารในวังวน
เหล่ามหิรมิงศโรหา มินคลาไล่คู่อยู่สับสน
ติมิงคล์ชิงมิงเชยชล อานนท์ลอยเศียรหางขึ้นขวางกาย
ยาวพันโยชน์เยิ่นดั่งเนินผา กลอกตาดูดวงพระสุริย์ฉาย
ไม่ย้ายเยี้องแพลงพลิกกระดิกกาย ก็ถอยหลังยังสายชโลธร ๆ
พลางชวนชมอัสกรรณวิเชียรรัตน์ ดั่งวงฉัตรปวะเทศสิงขร
วารีพุพุ่งพุงลงสาคร หมู่ทวยเทพนิกรมาเชยชม
วินันตกงามกลมประสมศร ด้วยไพรทีแก้วลายระบายถม
มีวุ้งเวิ้งแท่นทองที่ต้องลม เตือนอารมณ์ให้เกษมในไสยา
เนมินท์พิศทรงเหมือนกงรถ จอมบรรพตเลิศล้วนมณีผา
กระลอกรุงพุงพรายถึงเมฆา เล่ห์วลาหกทิพอันพรวยพรำ
โน่นสุทัสน์ควรทัสนาสถาน แก้วประพาฬย่อมแท่งดูแดงขำ
ชะง่อนเงื้อมง้ำแหว่งดั่งแกล้งทำ มีคูหาท่าน้ำทุกแนวเนิน
นั่นเชิงชั้นการวิกบรรพต ง้ำกำหนดชั้นการเวกเหิน
เป็นหุบเหวตรวยตรงลงโตรกเตริน สว่างเพลินไปด้วยแก้วสุรกานต์ ๆ
สิขรินอิสินธรรัตน์ แจ่มจำรัสไขสีมุกดาหาร
เมื่อน้อมยอดรองบาทพิชิตมาร ประสานเสียงคู่ขุนยุคุนธร
คิรีนี้ล้วนแก้วมณีโชติ จืงแผลงแสงรุ่งโ่รจน์่ประภัสสร
สูงเสมอปรางค์จันทน์ทินกร เดินอัมพรไปทั้งสองเทวัญ
ธตรฐเนาในบูรพทิศ ไพจิตรไปด้วยทิพรังสรรค์
บริวารล้วนเทพคนธรรพ์ งามมไหศวรรยาและธานี
เวสสุวรรณอันทรงมเหศร สถิตที่อุครราศี
แสนเกษมสมบัติสวัสดี เป็นจรรโลงโมลีอสุรา
นั่นองค์วิรุฬปักษ์เทเวศ อยู่ประเทศปราจิมทิศา
เป็นปิ่นมงกุฏแห่งนาคา ทรงศักคาฤทธิราญรอน
วิรุฬหกเป็นใหญ่ในกุมภัณฑ์ พิมานเมศเจ็ดชั้นประภัสสร
ประจำทิศทักษิณยุคุนธร ดำรงทิพนครละกลกัน ฯ
พลางชมชวนยวนเย้าเสน่หา หวังให้ดวงวนิดาเกษมสันต์
แล้วรีบเร่งรถาวิไลวรรณ ก็บรรลุยังสุทัสนธานี
ประทับรถเข้าเคียงกับเกยมาศ จึ่งจงกรเยาวราชมเหสี
โดยเสด็จวรบาทจรลี เข้าสู่ที่แท่นแก้วอลงกรณ์ ฯ
ลดองค์ลงแนบกนิษฐา พระจึ่งกล่าววาจาประโลมสมร
เจ้าพวงทิพเสาวรสสุคนธร แต่เรียมจรจากน้องก็นมนาน
สุดแสนอาดูรพูนเทวษ เพราะทุเรศแรมรสฤดีสมาน
เมึ่อสามองค์นงลักษณ์ยุพาพาล ได้สำราญในพิมานวิไชยันต์
ไม่เห็นดวงพักตร์มิ่งสมรมิตร ปิ้มชีวิตพี่จะม้วยด้วยโศกศัลย์
แค่เคร่าครองปองโฉมวิไลวรรณ เพิ่งไค้ขวัญเนตรมายังธานี
เชิญร่วมสุขเศวตฉัตรสมบัติทิพ อันลอยลิบเลิศจักรราศี
เป็นจอมจรรโลงเทพนารี มิให้สายสวาทพี่อนาทร ๆ
บัดองค์อัปสรสมรนาฏ บังคมทูลเทวราชมเหศร
คุณพระล้ำดินฟ้าแลสาคร ซึ่งอาวรณ์ด้วยทรงพระเมตยา
หากว่าน้องมิได้แจ้งในใจทิพ ชื่งเลือกหยิบเอาแค่ข้อเสน่หา
จะเชึ่อขานคำหวานพระพรรณนา แต่ชาวฟ้าท่านที่เคยภักคี
แม้นรักจริงฤๅจะทิ้งให้ทนเทวษ ไปเนาในนักเ็รศแห่งยักษี 1
นี่จงชมสมบัติในธานี จึ่งลีลาศไปประพาสถืงเมืองมาร
พอสบคล้องก็ได้น้องมารองบาท ดั่งโศกแสนพิศวาสพระบรรหาร
ยังไม่ควรรับเทวโองการ อันประทานที่ปิ่นสนมใน ฯ
เจ้าดวงสมรอดิศรอัคเรศ แม่ขวัญเนครผู้ยอดพิสมัย
อย่านึกแหนงแคลงคำให้ช้ำใจ ว่าเรียมไม่อาลัยพนิคา
เมึ่อเรื่มพรากจากไปเป็นปักษิน อยู่รัหว่างวารินที่เนินผา
ประพฤติเพศโดยพรรณสกุณา แสวงหามัสยาในสาชล
แล้วอุ้มนาฏปักษามาไพชยนค์ ให้ชมสระโกมลลดาวัลย์
แต่หากน้องข้องขัดไม่อยู่ได้ ก็วอนให้พาคืนวนาสัณฑ์
เพราะเวรหลังกำจัดจึ่งพลัดกัน ผูกพัน่เคียดแค้นด้วยข้อใด
แสนเสน่หาน้องถึงเพียงนี้ คิดดูเถิดว่าจะดีหรือหาไม่
พลางสัมผัสให้ปรากฎซึ่งรสใจ แล้วคว้าไขวในเชิงภิรมยา ฯ
สุชาดาป้องปัดสลัดกร คมค้อนผลักทิพหัตถา
เลึ่อนองก์ลงจากอาสน์ที่นิทรา ชายตาต่อตาสุเรนทร
นิลเนตรต่อนิลเนตรนาฏ ดั่งพรหมาสตร์แผลงซ้ำกระหน่ำศร
ไปทอแทงแสงรัชนีกร สะท้อนถึงท้องถ้ำสุรกานต์
เลี่ยงพักตร์เบี่ยงบงกชรัตน์ วัชรินทรพร้องสนองสาร
เจ้างามงอนยุพเรศสุมามาลย์ จะรอนราญรสรักพี่กลใด
นิจจาเอ๋ยกระไรเลยไม่คิดบ้าง ให้เจ็บจากพรากร้างไปถึงไหน
มาเถิดมามิ่งสมรมิตร จะครองไมตรีจิตกนิษฐา
เฉวียนกรอุ้มแก้วกัลยา มายังแท่นรัตนอันรูจี
โฉมอนงค์องค์เทพอัปสร ประจงกรเปลื้องกรท้าวโกสีย์
ให้ปรากฏยศเทวสตรี แสร้งวาทีแยบเยื้องรำพัน
พระเป็นใหญ่ในสองชั้นฟ้า ชื่งพามาให้ครองมไหศวรรย์
ดั่งดอกไม้รังพื้นพนาวัน ฤๅจะทันมณฑาที่เคยทรง ฯ
เจริญศรีสวัสดีดวงสมร งอนคำน้ำเพชรสุหร่ายสรง
อย่าหมองข้องเคืองระคายองค์ พี่จงรักฤๅมาชักให้ช้าที
พลางจุมพิตพักตร์อัคเรศ เสพสมรมเยศเกษมศรี
กระแหม่วแนวนวลทิพนาภี ดวงฤดีดัดฤดีประลองคะนอง
กรสอดสอดเลี้ยวเกี้ยวกระหวัด สะพัดแอบแนบชิดสนิทสอง
ดั่งแท่งแก้วอันทำเป็นลำยอง สะดุ้งหลังแท่นทองที่ไพชยนต์
วลาหกเทวบุตรเมื่อคิมหันค์ ก็อัดอั้นดั่งจะปรายซึ่งสายฝน
พายุพัดกลัดเมฆที่มัวมน มิให้หล่นลั่นฟ้าลงมาดิน
นันทโบกขรณีสี่สถาน บันดาลแล้งแห้งทางระหว่างสินธุ์
ส่วนพระยาคชเรศเทวินทร์ กระหายวารีดิ้นพิมานทอง
หนึ่งดอกดวงพวงพุ่มผกามาศ ครั้นอากาศมืดคลุ้มชอุ่มหมอง
ก็คลี่คลายขจายกลบเรณูรอง ละอองสร้อยเสาวรสรำเพยพาน
แล้วเชยดวงพวงทิพสังวาส ปรามาสมณฑาทองสองสมาน
ค่อยชึ่นเริงเชิงเล่ห์ระเริงลาน เป็นสุขสุดสำราญในเทวัญ
พระลืมชมอุทยานสนานสินธุ์ โฉมยุพินลืมสิ่งเกษมสันต์
สุเรนทร์ลืมออกมุขวิไชยันย่ นางลืมพงศ์กุมภัณฑ์แลธานี ฯ
ครั้นเว้นว่างทางเทวสัมผัส นางแย้มวัจนาทูลท้าวโกสีย์
น้องไกลองค์ปิตุเรศอสุรี ด้วยภักดีโดยบาทบดินทร
แม้นพระจากไพชยนต์วิมลมาศ ขอลีลาศโดยเสด็จอดิศร
จำเริญสวัสดิ์โสมนัสถาวร ด้วยพรปิ่นเทวราชบัญชา ฯ
เจ้างามล้ำอัปสรสมรมิตร สมดั่งคิดเรียมแสนเสน่หา
จงประสิทธิ์ดั่งจิตเจตนา กนิษฐาอย่าร้อนอาวรณ์ใจ
แล้วปลุกปลื้มอารมณ์ให้ชมช้ำ พระรื้อรำ่เรื่องรสพิสมัย
สองสมานสำราญทิพฤทัย อยู่ในปรางค์แก้วเจ็ดประทาร ฯ
ฝ่ายเนวาพิกาสูรราช ลีลาศถืงนครบวรสถาน
สถิตย์ยังบัลลังก์รัตน์ช้ชวาล ให้ดาลเดือดฤทัยแก่ไพรี
แค้นอายดังจะวายชีวิตม้วย ด้วยโกมินทร์หมิ่นศักดิ์ยักษี
กำจัดพรากจากเทวธานี แล้วมิหนำซ้ำพาธิดาไป
เจ้าดวงเนตรของปิตุเรศเอ๋ย จะชื่นเชยชมชิดพิสมัย
อสุรินสุริยวงศพระองค์ใด ไม่เห็นใครที่จะสืบศฤงคาร
สงวนไว้จะบำรุงเป็นสูงภพ เจ้างามลบโฉมโลกทุกสถาน
แม่เจริญสวัสดิ์อยู่ในรัตนพิมาน พ่อสำราญฤทัยไม่เว้นวาย
อสูรเอ๋ยอัปยศในครั้งนี้ ไม่รู้ที่จะล้างครหาหาย
ถึงจะคืนบุตรีก็มีลาย จะเอาอายนั้นไปแฝงที่แห่งไร ฯ
ครั้นระงับดับอาดูรสวาท ลีลาสออกพิมานพินิจฉัย
เถลิงบัลลังกอาสน์อำไพ ในภายใต้ฉัตรแก้วสุรกานต์
หมู่เสนางค์ต่างเฝ้าประจำองค์ ทรงดำริด้วยราชบรรหาร
พอแคฝอยคลี่สร้อยสุมามาลย์ เบ่งบานเสาวรสรำเพยขจร
คิดคำนึงถึงปาริกชาติ เคยประพาสเชยทิพเกสร
จำทะทำสงครามวัชรินทร คืนสุทัสน์พระนครสวรรยา ฯ
จึ่งสั่งสามอสุรีที่ชาญฤทธิ์ จิตราสูรอุปราชเป็นทัพหน้า
ทัพสองกาลสุทอสุรา เอาเสนากาลสูรเป็นตรีทัพ
จะขึ้นไปรณรงค์ด้วยโกสีย์ เหวยอสูรหัตถีเครื่องประดับ
โยธาเราคณานับ มาคอยรับเสด็จหน้าพระลานชัย
พอล่วงราชบบัญชาประกาศิต ก็แจ้งจิตไปด้วยทิพนิสัย
ตลอดจนอสุรภพทั้งใกล้ไกล มาพร้อมในที่ประชุมพลากร ฯ
ฝ่ายองค์จอมอสุเรศอันเรืองยศ อลงกตทิพยรัตน์ประภัสสร
ทรงวิเชียรเสโลแล้วบทจร มาขึ้นยานกุญชรอันนฤมิต น
มหิสูรแปลงกายเป็นหัตถี มีสีดังเงินยวงท้าวสถิต
สูงร้อยห้าสิบโยชน์กำลังฤทธิ์ เหมือนจะปิดสุริยาลงมาดิน
เครึ่องประดับสรรพทั่วสารพางค์ แค่ละอย่างช้างทรงองค์โกสินทร์
หมายประจญเอราวัณอินทร์ จะเพิกพังปฐพินพระเมรุทอง
ส่ายหน้าร่างากระหึมมัน กระชันหูชูงวงเยื้องย่อง
ดุเดือดเงือดเงื้อจะแทงลอง คะนองเสียงเพียงสังข์พิชัยยุทธ์
พวกพลโยธากว่าแสน เนืองแน่นโกลาอุตลุต
พลมารห้าวหาญชาญยุทธ์ มาหยุคยั้งเชิงเมรุคิรี ๆ
สั่งให้เข้าหักด่านตาล จับนาคพลทหารของโกสีย์
ครั้นได้ฟังสารสั่งอสุรี แผลงฤทธีหมายจับซึ่งภุชงค์ ฯ
คณานาคพันโกฏิอันรักษา เชิงมหาศิขเรศก็พิศวง
เห็นอสูรสงครามรณรงค์ ไม่องอาจที่จะรอต่อมือมาร
ดังกุญชรกาสรมฤคเพศ แสยงฤทธิ์สิงหเรศประหารผลาญ
ภุชงค์หนีไพรีไม่ต่อพาล ไปชั้นบาดาลปฐพี ฯ
จอมภพสุรพงศ์ผู้ทรงสวัสดิ์ ให้รีบรุดโคยเมรุวิถี
ถึงสุบรรณอันประดับด้วยโยธี ยกเข้าตีปักษินไพชยนต์ ฯ
ส่วนพระยาทิชาชาติก็หวาดจิต เห็นฤทธิ์อสุรีคะลึงฉงน
เล็งด้วยทิพยสิบทั่วไม่สิ้นพล ดังสายฝนช่านไปในจักรวาล
หมู่สุบรรณพันโกฏในสิมพลี ทฤษฎีแล้วทุเรศจากสถาน
ก็เหาะหนีอสุรีไม่รอนราญ ไปพิมานชั้นประชุมซึ่งกุมภัณฑ์ ฯ
ปิ่นมกุฎอสุรีสวัสดิราช หมายคืนกรุงเมรุมาศมไหศวรรย์
ครั้นมีชัยในราชสุบรรณ ให้ยกตีชั้นสามไม่คร้ามคิค ๆ
ทัพพระยากุมภัณฑ์อันรักษา ชั้นมหาบรรพตอันไพจิตร
เห็นสงครามลามล่วงกระชั้นชิด กำล้งฤทธิ์เพียงเพชรปาณี
ครั้กกะสู้ดูหนึ่งไม่มีสัตย์ ดำรัสแล้วพาพวกโยธีหนี
ก็แตกร่นย่นฤทธิ์อสุรี ถึงชั้นสี่ทีป่ระชุมไพชยนต์ยักษ์ ฯ
องก์อสูรอันสมบูรณ์อิสริยศ ก็ปรากฎอดิศรขจรศักคื้
ดังได้สมบัติในจตุรพักตร์ ให้เร่งยกหักด่านบุรินทร
ส่วนสาตาคิรีผู้เป็นใหญ่ นภาลัยมณฑลสิงขร
ทั้งเสนามาตยาพลากร ก็ณาญรอนฤๅไพรี
เห็นสามชั้นมิได้กั้นประจามิตร ให้ติดตามมาสงครามถึงยักษี
ไม่สามารถตั้งมั่นประจัญตี พาโยธีหนีไปกุนทริน ฯ
ฝ่ายองค์เนวาสิกาสูร ยิ่งเพิ่มพูนสุรฤทธิ์ดังจิตถวิต
ให้ทัพหน้าเร่งเร้าพลพฤนท์ เหาะข้ามสินธุไปยังขุนยุคนธร ฯ
ฝ่ายจาตุมหาราชิการาช ทรงซึ่งทิพอาสน์มเหศร
เป็นอิสระอยู่ในสันดร ขจรยศปรากฎทั้งจ้กรวาล
ครั้นแจ้งว่าสุราอสุรภพ จะรบชั้นเทวัญวิมานสถาน
ดำรัสเรียกซึ่งดุรงค์บวรยาน หมู่เทเวศบริวารในธานี ฯ
เหล่าสุราภพพลมาตย์ ได้ฟังวราชบัญชาทุกราศี
มาชุมพร้อมกันที่จอมโยธี โดยวิถีเทวราชบทจร ฯ
ตระบัดท้าวฟังศรีผู้มีสวัสดิ์ ประจงโจงทิพรัตน์ประภัสสร
ดูเปล่งปลาบอาบศรีฉวีวร แล้วทรงขรรค์กรายกรขึ้นม้มา ฯ
สินธพเทเวศนฤมิคต เป็นสีทองชวลิตทั่วมังสา
สูงระหงทรงทิพโอภา รจนาเครื่องประดับสำหรับยศ
เหาะรอบขอบจักรวาลไม่ทันช้า สี่เท้าเร็วยิ่งกว่าลมกรด
ให้คลายคลี่โยธีเป็นหลั่นลด บทจรไปต่อด้วยไพรี ฯ
เหลือบเห็นพลอสุราเสนาทัพ ให้หวาดหวั่นพรั่นพลับอาชาหนี
พาซึ่งเทพเจ้าและโยธี ก็จรลีไปสุทัสนนคร ฯ
เข้าทูลองค์วาสรินทร์เทวราช ตามแต่บาทยุคลอดิศร
อสุรีกรีทัพแสนยากร มารุกรอนชั้นยอดยุคละรินทร์
หมู่สงครามลามล่วงกำเริบนัก พระปิ่นปักหลักโลกจงทรงถวิล
จะหมิ่นยศเทวาชั่วฟ้าดิน องค์ศักรินทรืได้เมตตา

(จบฉบับเพียงนี้)

No comments: