Thursday, July 30, 2009

กุหลาบดำ

น้ำอบ

หญิงในชุดสีดำรัดรูปนั่งตวัดพู่กันในมืออย่างคล่องแคล่ว ผืนผ้าใบบนขาหยั่งรอบๆ กายที่ว่างเปล่าอยู่หลายผืนเมื่อสองนาทีก่อน เปลี่ยนแปรเป็นภาพเขียนแบบจีนงดงามน่าพิศวง โน่นรูปนกกระเรียนโก่งคอ โน่นรูปเซียนบนยอดเขา นั่นรูปกอไผ่ ไกลออกไปเป็นฝูงนกโบยบิน
โอ...เธอช่างเป็นศิลปินยอดอัจฉริยะ
"คุณเรียนจบมาจากที่ไหนคะ" นักข่าวสาวมาสัมภาษณ์
"คณะอักษรศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง" เธอตอบเรียบๆ มือวุ่นกับการวาด...วาด...วาด...
"โอ... แล้วคุณวาดภาพเป็นได้อย่างไรคะ" นักข่าวสาวทึ่งจัด
"ฉันเป็นผู้หญิง ผู้หญิงเก่งรุ่นฉันต้องเรียนอักษรศาสตร์ เรียนอย่างอื่นไม่ได้ เสียฟอร์ม ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันก็ต้องเป็นหมอหรือวิศวกร เรียนอย่างอื่นไม่ได้ เสียฟอร์มอีกแล้ว เพราะฉะนั้น การเข้าเรียนอักษรศาสตร์ และได้รับปริญญาเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง พิสูจน์ว่าฉันเป็นอัจฉริยะ อัจฉริยะทำอะไรก็ดีไปหมด"
"อ้อ !" นักข่าวสาวคิดจะหมั่นไส้ เธอจบนิเทศน์ศาสตร์ คณะยอดนิยมของหนุ่มสาวยุคใหม่ ความหมั่นไส้ลดลงเมื่อเธอมองร่างแบบบางในชุดรัดรูป ใต้ลำคอเหี่ยวย่น และใบหน้าที่มีริ้วรอยประดับ จนน้ำยารีดเรียบใดๆ ก็คงรั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ เฮ้อ...
"คุณยายเรียนจบ พ.ศ. สองพันสี่ร้อยเท่าไรคะ" นักข่าวสาวถามแกมเย้ย
"เรียกพี่ดีกว่า จบมา...เอ้อ... จบมาไม่กี่ปีมานี่แหละ ชักเลือนๆ อย่าเรียกยายซิหนู เอ๊ย ! น้อง ฟังแล้วปวดหัว"
หญิงในชุดดำหันหายาหอม
"หมากฝรั่งไหมคะ"
"ก็ดี" เธอรับมาเคี้ยวหยับๆ "ฉันไม่ได้ลิ้มรสหมากฝรั่งมาหลายสิบปีแล้ว"
"คนรุ่นคุณ.... เอ้อ... คุณพี่ คงชอบเคี้ยวหมากไทย" นักข่าวสาวซัก ซักจริงหรือประชดให้ก็ไม่รู้ จิตรกรหญิงค้อนขวับ
"ถามให้มันเข้าเรื่องเข้าราวหน่อย"
"ค่ะ ค่ะ เอ้อ...ทำไมใครๆ ถึงเรียกคุณว่า 'กุหลาบดำ' คะ"
เธอไม่ตอบ แต่ตวัดลายเซ็นตรงมุมภาพที่เพิ่งวาดเสร็จทั้งสองโหล เป็นรูปดอกกุหลาบสีดำเล็กๆ ภาพละดอก นักข่าวสาวเห็นคาตาอย่างนั้น จึงรีบวิ่งกลับไปปิดคอลัมน์ส่งโรงพิมพ์


นึกย้อนหลังไปเมื่อหกสิบกว่าปีก่อน พ่อกับแม่ตั้งชื่อให้เธอว่า 'โรส' สมัยนั้นคนพากันเห่อฝรั่ง คำว่าเอกลักษณ์ไทยแทบไม่เคยมีใครพูดถึง
แล้วเมื่อสี่สิบปีก่อน โรสก็รู้จักความรัก เป็นความรักแรก รักแท้ รักเดียว
เธอรักครูสอนวาดเขียน เขาเป็นหนุ่มช่างฝัน ใบหน้ายาวตาตี่ขาววอก เพราะเขาเป็นคนจีน
ตี๋หนุ่มอัจฉริยะวาดภาพจีนด้วยฝีมือแม่น ในขณะที่ภาพสีน้ำมันวาดผิดแก้ใหม่ได้มากครั้ง ภาพสีน้ำเพิ่มความเข้มข้นและรางจางได้ คนที่ใช้พู่กันจีนไม่สามารถผิดพลาดได้เลย การตวัดลายเส้นแต่ละครั้ง ฝีมือจะต้องแน่วนิ่งและแม่นยำ
ตี๋หนุ่มของเธอแม่นยำและเก่งกล้า เขาตวัดปลายพู่กันหนเดียวก็วาดภาพลายเส้น เดอะ ลาสต์ ซัปเปอร์ ของพระเยซู ที่มีคนร่วมโต๊ะอยู่ร่วมสิบคนได้เลย เลโอนาร์โด ดา วินชี วาดภาพโมนาลิซาจนโด่งดัง เขาวาดโมนาลิซาเต้นระบำ 'แคนแคน' ได้ด้วยการตวัดปลายพู่กันเพียงครั้งเดียว เขามีฉายาว่า 'จิตรกรพู่กันฝีแปรงเดียว'
เขาฝีกฝนจนโรสได้เป็นจิตรกรสองฝีแปรง เป็นรองก็แต่คุณครูตี๋หนุ่มของเธอ
คุณครูขอพ่อแม่ตามมาสอนให้โรสเป็นพิเศษที่บ้าน เขาบอกพ่อแม่ว่า โรสมีแววได้เป็นจิตรกรใหญ่ ถ้าให้เขาช่วยส่งเสริมสั่งสอนเธอจะไปได้ไกล เขาไม่ได้บอกพ่อกับแม่ว่า แรงดึงดูดใจอีกประการหนึ่ง คือ เธอเป็นลูกศิษย์คนเดียวในห้องท่ต้องใส่คัพซี
"เมื่อไรฉันจะได้เป็นจิตรกรฝีแปรงเดียวบ้างคะ ครู"
"นั่นเป็นสิ่งที่เฮีย เอ๊ย ! ครู จะต้องสอนเธออย่างใกล้ชิด"
ครูสอนเธออย่างใกล้ชิดทีเดียวครั้งเดียว ยังไม่มีโอกาสใกล้ชิดอีก โรสก็บอกครูว่าเธอท้อง
"ครั้งเดียวเนี่ยนะ" ครูหนุ่มโวย โรสพยักหน้าช้าๆ
"ฉันอยากจะต่อว่าครูจริงๆ แล้วนี่ฉันจะทำอย่างไร ฉันยังวาดภาพฝีแปรงเดียวไม่เป็นเลย"
"หัดพับผ้าอ้อมก่อน" ครูปลงก่อนเดินไปสู่ขอโรสกับพ่อแม่
"เตี่ยผมอยู่แผ่นดินใหญ่ อาม้าอยู่ฮ่องกง ผมเลยรีบมาสู่ขอคุงรสด้วยตัวเอง"
"ฉันไม่รู้จักใครชื่อแบบนั้น ครูคงขอผิดบ้าน" แม่ตัดบท พ่อรีบนั่งหันหลังให้
"เขาหมายถึงหนูน่ะค่ะ" โรสรีบแสดงตัว
"ฉันจะไม่ยอมมีลูกเขยเจ๊ก" แม่ประกาศ ครูเดินคอตกออกจากห้องไป
"แต่..หนูท้องนะคะ" โรสสารภาพ แม่รีบสั่งพ่อให้ไปซื้อตะกร้าหวายใบใหญ่ๆ เธอจะจับโรสใส่ตะกร้าล้างน้ำ
"ล้างไม่ออกหรอกค่ะ โธ่ ! แม่ให้หนูแต่งงานกับครูเถอะ"
"แม่ส่ายหน้า พ่อรีบแต่งตัวจะออกไปหาซื้อตะกร้าหวาย
"ฉันไม่มีวันรับเจ๊กเข้าบ้าน"
"ถึงเขาเป็นคนจีนแต่เขาชื่อ 'ไมเคิล ฮอง' นะคะ"
"งั้นเรอะ" แม่ชักสนใจ "เขาจะยอมเปลี่ยนนามสกุลเป็น 'แจ๊กสัน' ไหม"
"หนูจะลองถามเขาดู"
"ถ้าเขายอมก็ โอเค"
พ่อลงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ตามเดิม ดีใจที่ไม่ต้องไปหาซื้อตะกร้าใบใหญ่พอที่จะใส่ผู้หญิงคัพซี


โรสรีบวิ่งมาบอกข่าวดีครูตี๋หนุ่ม
"แม่ยอมให้เราแต่งงานกันแล้วละ มีแค่ข้อตกลงอีกนิดๆ หน่อยๆ ที่ต้องเจรจารายละเอียดกัน"
"สายเสียแล้ว" ตี๋หนุ่มส่ายหน้า "อั๊วเป็นจิตรกรฝีแปรงเดียว อั๊วทำอะไรทำครั้งเดียว ไม่เคยทำอะไรซ้ำสอง"
"แต่ครูมาสอนฉันทุกวัน"
"ก็วันละครั้งเดียว"
"ครูกินข้าววันละกี่มื้อ"
"มื้อเช้าวันละมื้อเดียว มื้อกลางวันวันละมื้อเดียว มื้อเย็นวันละมื้อเดียว" ครูส่ายหน้า น้ำตาคลอ
"แล้วครูจะ...เอ้อ... ใกล้ชิดฉัน แบบวันนั้น...ครั้งเดียวเหรอ" โรสสยอง
"ครั้งเดียวเธอก็ท้องแล้ว" ครูค้อนควัก "อั๊วไม่เคยทำอะไรซ้ำสอง"
ด้วยน้ำตานองหน้า ครูหนุ่มคว้าคัตเตอร์บนถาดเครื่องวาดเขียนมาตัดเส้นเลือดใหญ่ที่ข้อมือ โอ...ช่างมหัศจรรย์แท้ คนบางคนตัดข้อมือฆ่าตัวตายทั้งสองข้าง หมอยังช่วยให้รอดได้ นี่ครู ! ไมเคิล ฮอง ตัดข้อมือตัวเองข้างเดียวก็ได้ตายทันทีสมใจ ช่างสมสมญานามว่า 'จิตรกรฝีแปรงเดียว' โดยแท้
โรสคอตก หน้าสลด เธอเปลี่ยนไปแต่งชุดดำ ชาตินี้เธอจะไม่ยอมใส่สีอื่น เธอจะแต่งชุดดำให้เป็นอนุสรณ์ แด่ความรักที่เขามีต่อเธอ... ชุดดำทำให้เธอผิวผ่องดีด้วย
เปลี่ยนชุดแล้วโรสรีบเรียกสาวใช้มากวาดครูออกจากบ้าน นอนตายเกะกะอย่างนี้ โรสทำงานไม่สะดวก


โรสเริ่มดัง ถึงเธอเป็นจิตรกรสองมีแปรง แต่เมื่อจิตรกรฝีแปรงเดียวตายไปแล้ว โรสก็ไม่เป็นรองใคร ฝีมือวาดพู่กันจีนของโรสขจรขจาย จนแม้แต่ 'ท่านเขมานันทะ' จิตรกรพู่กันจีนคนดังยังมามอบตัวเป็นลูกศิษย์
โรสปฏิเสธ เธออ้างว่าเธอไม่มีความสามารถพอ แต่ที่จริงเธอกลัวกงเกวียนกำเกวียน เธอทำให้ครูของเธอตาย ลูกศิษย์อาจคิดล้างครูเช่นโรสได้เช่นกัน
โรสเสียเวลาวาดรูปไปนั่งในตะกร้าให้แม่ล้างน้ำบ่อยๆ แต่ทว่า... ไม่มีประโยชน์ อีกไม่กี่วันเธอก็จะถึงกำหนดคลอด
แม่กัดฟันกรอดๆ
"ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าคนโบราณจะหลอกพวกเราได้ขนาดนี้ ก็แต่ไหนแต่ไรมาก็บอกว่า ให้เอาลูกสาวใส่ตะกร้าล้างน้ำ ไม่น่าทำกันขนาดนี้เลย...กรอด...กรอด"


โรสคลอดลูกมาเป็นผู้ชายหน้าตาคมสัน ผิวผ่องด้วยสายเลือดพ่อ แต่ตาสวยเหมือนแม่ เธอตั้งชื่อเขาว่า ไมเคิล ฮอง จูเนียร์ เธอจะฝึกเขาให้เก่งเท่าเธอ ถึงจะเก่งเท่า ไมเคิล ฮอง ซีเนียร์ ไม่ได้ เพราะคนสอนตายไปแล้วก็เถอะ
กุหลาบดำจะต้องทิ้งลาย สืบสายเลือดอัจฉริยะไว้ให้แผ่นดิน...
โรสซื้อของเล่นให้ลูก เธอซื้อพู่กันขนหางม้าทุกเบอร์ ผ้าใบทุกขนาด และหมึกจีนเป็นโหลๆ บางคนวาดภาพจีนบนกระดาษ แต่ไม่เคิล ฮอง ซีเนียร์ สอนโรสให้วาดบนผืนผ้าใบ
"มันเป็นอมตะ ทนกว่ากระดาษ คนตายแต่งานไม่ตาย" เขาเคยสอนเธอก่อนฆ่าตัวตายไม่กี่วัน
อ้ายหนูวาดแต่รูปไส้เดือน บางทีก็ยกหมึกจีนขึ้นดื่ม ดื่มเอาๆ หลายๆ วันเข้าผิวที่เคยผ่องผุดผาด ก็เริ่มคล้ำขึ้น...คล้ำขึ้น
งานของกุหลาบดำเป็นที่ต้องการของท้องตลาด โรสจึงไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูก หันมาเห็นอีกทีหมึกดำก็หมดกล่อง อ้ายหนูกลายเป็นนิโกรไปเลย
"เชื่อแม่เถอะ ลูก อย่าไปตั้งนามสกุลลูกว่า ฮอง แฮง เลย เอาแจ๊กสันเถอะ เข้าท่ากว่ากันเยอะ" แม่เดินเข้ามาหาลูกสาว
โรสมัวใจจดใจจ่ออยู่กับงาน เธอเผลอพยักหน้า แม่ดีใจใหญ่ จะวิ่งออกจากห้องไปบอกพ่อ แล้วบังเอิญให้หันมาเห็น ไมเคิล ฮอง จูเนียร์ ผู้กำลังจะได้นามสกุลใหม่ว่า 'แจ๊กสัน'
"นั่นตัวอะไรน่ะ"
"ไมเคิลค่ะ" โรสวาดภาพมังกรดั้นเมฆ
"ทำไมดำปี๋ออกอย่างนั้น ตอนเกิดก็ขาวๆ ดีอยู่"
"เขาชอบดื่มหมึกจีน" โรสวาดภาพนางงามลูกท้อ
"แล้วจะตายไหมนี่ แม่ต้องรีบไปเปลี่ยนนามสกุลแกแล้ว มรณบัตรจะได้น่าประทับใจ"
"ไม่ตายหรอกค่ะ" โรสวาดภาพดอกโบตั๋น "หนูถามหมอแล้ว หมอบอกว่าอีกสิบปีสีผิวที่ดำจะเริ่มจางลง พออายุได้ยี่สิบกว่าๆ ก็จะขาวเหมือนเดิม"
"งั้นเรอะ" แม่ถอนใจโล่งอก "ลูกต้องดูแลแกมั่ง"
"อ้อแอ้ อ้อแอ้" อ้ายหนูตัดพ้ออีกคน
"อัจฉริยะอย่างหนูไม่ค่อยมีเวลา" โรสปัดภาระ "ส่งไปโรงเรียนประจำซิคะ"
"เออ... แม่ลืมบอกไป เพื่อนๆ แม่จะมาแวะบ้านเรา เขามาจากอเมริกา เอาลูกสาวมาด้วยสองคน ชื่อ 'ลาโทย่า' กับ 'นาตาลี' "
"ก็ดีค่ะ" โรสตอบใจลอย "แม่มีแต่เพื่อนฝรั่ง"
"แม่เป็นโรคเห่ออิทธิพลตะวันตก เพื่อนๆ พวกนี้เป็นนิโกร แต่นามสกุลเก๋ดี ก็ 'แจ๊กสัน' ที่แม่ยืมมาตั้งให้อ้ายหนูของเราไง"
"อ้อ ! ค่ะ" โรสชักรำคาญแม่ที่พูดมาก
"อ้อ แอ้ อิ๋ว อิ๋ว" อ้ายหนูหิวอีกแล้ว เอ๊ะ ! แม่ก็พูดมาก ลูกก็ชักเริ่มพูดมากขึ้นมาอีกคน นี่ถ้าอ้ายหนูพูดคล่อง เธอคงรำคาญปางตาย เธอหยิบหมึกจีนขวดที่ใช้อยู่ส่งให้อ้ายหนูดื่มอย่างใจลอย เอ...ส่งคัตเตอร์อันเก่า ที่ครูตี๋ใช้ฆ่าตัวตายให้มันมั่งดีไหมเนี่ย
"ลูกไม่ค่อยดูแล ไมเคิล แจ๊กสัน เลย เดี๋ยวอีกหน่อยมันโตขึ้น ให้สัมภาษณ์ใครๆ ว่าตอนเด็กๆ พ่อแม่ไม่ดูแล ลูกจะต้องอายคนทั้งโลก พวกแจ๊กสันเพื่อนแม่ซิ เขาเอาใจใส่ลูกดีทุกคน"
"ฝากเขาเลี้ยงไมเคิล ฮอง เอ๊ย ! ไมเคิล แจ๊กสัน อีกคนได้ไหมคะ" โรสอ้อน "ลูกกวน หนูทำงานได้น้อยลงเยอะเลย วันๆ วาดได้แค่สามร้อยภาพ ผลผลิตตกต่ำ แกลเลอรี่ด่าเช้าด่าเย็น"
"อ้อ แอ้ แอ้ แอ๊ แอ๊ะ" อ้ายหนูครวญคราง
"เอ... รู้สึกไมเคิลจะหัดร้องเพลงนะ" แม่ออกความเห็น
"ร้องเพลง !" โรสผุดลุกขึ้นเดินวน "หนูคงทนไม่ได้ อัจฉริยะต้องทำงาน ศิลปินต้องมีอารมณ์ จิตรกรต้องมีแรงบันดาลใจ แม่เอาอ้ายหนูทิ้งขยะไปได้ไหม"
"อย่างนั้นต้องทำตอนแรกเกิดเขาถึงจะนิยมกัน แต่แหม...มันไม่โหดไปหน่อยเหรอ เอาอย่างนี้ แม่จะลองฝากแจ๊กสันเขาให้เลี้ยงอ้ายหนูให้จนมันโตแล้วกัน"
อ้ายหนูคว้าไม้กวาดมาตวัดกวัดแกว่ง
"ตามใจแม่เถอะ" โรสวาดรูปเซียนเหยียบพรมวิเศษ เห็นไหม อ้ายหนูทำให้เธอสับสนหมดแล้ว
อ้ายหนูผ้าอ้อมเปียก ไมเคิล แจ๊กสัน พยายามลูบผ้าอ้อม บอกแม่ให้เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ แม่ไม่สนใจ อ้ายหนูแค้นแสนแค้น คอยดูนะ ถ้าพวกแจ๊กสันเขารับไมเคิลไปเลี้ยง ไมเคิล แจ๊กสัน จะไปแล้วไปลับ ไม่กลับมาเยี่ยมแม่เฮงซวยคนนี้เลย ไมเคิลจะลืมชีวิตอันแสนอาภัพ วันๆ ได้กินแต่หมึกดำให้หมด ไมเคิล จะอยู่แต่ในโลกที่เต็มไปด้วยของเล่น ของเล่นและของเล่น ไมเคิลลูบเป้าผ้าอ้อมอีกครั้งให้แม่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ ไม่มีใครสนใจเลย
"พวกแจ๊กสันมากันแล้ว โอ...'ลาโทย่า' กับ 'นาตาลี' น่ารักจัง"
ไมเคิลคลานตามยายและเพื่อนพ้องออกไป โรสดีใจ เธอได้ทำงานโดยไม่มีใครมาขัดจังหวะ


โรสได้ทำงานสะดวกสมใจ แม่บอกว่าพวกแจ๊กสันยินดีรับเอาไมเคิลไปเลี้ยงให้
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว โรสเริ่มคิดถึงลูก แต่...อนิจจา ไมเคิล แจ๊กสัน ไม่ยอมรับเธอเป็นแม่
กุหลาบดำน้ำตาตกใน เธอผิดไปแล้ว เธอรักงานหลงงาน และบัดนี้เธอก็มีแต่งานอย่างเดียวในชีวิต
โรสเก็บความทุกข์ของเธอไว้ในอก อกอันเดิมที่เคยอยู่ในคัพซีนั่นแหละ
ไมเคิล แจ๊กสัน มาเมืองไทย แต่เขาไม่ถามถึง ไม่แวะมาหาแม่เลย
กุหลาบดำนั่งน้ำตาไหลอยู่ท่ามกลางผืนผ้าใบอย่างเดียวดาย

กระโปรงยาว-ขาสั้น

น้ำอบ
"ทัน โทนิค" เป็นหนุ่มสุดหล่อแห่งยุค เขาหล่อมาตั้งแต่อยู่ในท้อง แม่เขาเปล่งและปลั่ง ตั้งแต่แรกเขาจุติ แพทย์ที่ทำอุลตร้าซาวด์ ตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็นโครงร่าง นางพยาบาลทุกคนที่เห็นผลอุลตร้าซาวด์ของ ทัน โทนิค ก้มลงกราบแม่ของเขา ขอเป็นลูกสะใภ้
แพทย์ที่ทำคลอดเขารีบลักลอบเอาลูกของตัวเองอายุสามขวบมาแลกกับ ทัน โทนิค หมอรัก ทัน แต่แรกพบ พยายามทุกวิถีทางที่จะเอาเลือดในอกเข้าแลก เพื่อรักษาสุดหล่อไว้ใกล้ตัว ยอมทิ้งเมียสองลูกสามมาอยู่กับ ทัน
แม่ไม่ยอมตกหลุมหมอ
"ลูกฉันเพิ่งเกิด ทำไมโตเร็วอย่างนี้" แม่โวยวาย
หมอยิ้มเขิน
"คุณแม่ละก็ น้ำนมคงดี เลี้ยงลูกได้โตเร็วละม้างฮ้า"
"ถึงโตเร็วก็ไม่น่าจะโตมาได้น่าเกลียด หัวล้าน ฟันโยก แถมดูไปดูมายังหน้าเหมือนหมอเอาเสียอีก" แม่แหวใส่
"โอ้ย เด็กมันน่ารักดี มันช่างประจบน่ะฮ่ะ มันรู้ว่าหมอมีบุญคุณ ช่วยให้ชีวิต มันเลยเปลี่ยนหน้ามาสนองคุณหมอ ลูกคนไข้หมอส่วนใหญ่เป็นอย่างเนี้ย หน้าเหมือนหมอกันทุกคนเลยฮ่ะ" หมอเรื่อยเจื้อย ทัน รำคาญ เขารีบคลานออกมาจูงมือแม่ออกจากโรงพยาบาล แม่หันมายิ้มเย้ยหมอทำนองว่า อย่างนี้สิของแท้
พอเขาอายุสองขวบก็ได้รางวัลจากงานประกวดเด็ก งานประกวดสุขภาพเด็ก งานประกวดทารกผิวงาม ทารกผมงาม ทารกกระดูกงาม เฮ้อ งามไปหมด
แม่กลัว ทัน เสียเด็ก ยังไม่ทันถึงกำหนดเข้าโรงเรียนอนุบาล มหาวิทยาลัยต่างๆ ก็เอาปริญญากิตติมศักดิ์มาล่อหลอกให้ ทัน เข้าเรียน
แม่หนักใจ เพราะเด็กหล่อขนาดนี้เสียคนได้ง่ายๆ แม่ปรึกษากับพ่อ พ่อเสนอให้เอา ทัน ฝากธนาคารแบบสิบห้าปี ดอกเบี้ยร้อยละสิบเอ็ดจุดห้า ถ้าฝากประจำในนามบริษัทได้ลดภาษีเงินได้อีกต่างหาก
ผู้จัดการธนาคารกำลังจะปฏิเสธ ธนาคารเป็นที่รับฝากทรัพย์สินเงินทอง ของไร้ชีวิตต่างๆ หาใช่ที่รับฝากเด็กไม่ แต่พอสบตาแจ่มแจ๋วของเด็กน้อย ผู้จัดการก็มืออ่อน รีบขอบพระคุณแม่ที่เอาเด็กน้อยงามแจ่มจรัสมาฝาก
แม่สั่งเสียต่างๆ นานาแล้วก็บอกว่า อีกสิบห้าปีจะมาถอนลูกชายพร้อมดอกเบี้ย


เวลาผ่านไปๆ ในที่สุดก็ถึงเวลาถอน ทัน โทนิค จากธนาคาร
"ฉันว่าเราฝากอีกสิบห้าปีดีไหมพ่อ ไม่ต้องเลี้ยงลูกเองให้ยุ่งยาก แล้วทางธนาคารเขายังจะเพิ่มดอกเบี้ยให้อีก" แม่เริ่มงก
พ่อต้องรีบทักท้วงไว้ พ่อกลัวแก่ตายไปโดยไม่ได้สนิทสนมกับสายโลหิตผู้สืบสกุล


ในวันเปิดตู้นิรภัยที่เก็บรักษา ทัน ไว้ ผู้จัดการกินยาตาย เขารักใคร่อาลัยอาวรณ์หนุ่มน้อยวัยสิบเจ็ดคนนี้นัก พวกพนักงานในธนาคารรีบพาผู้จัดการไปล้างท้อง พนักงานอีกส่วนหนึ่งต้องคอยช่วยเหลือพนักงานที่ใจอ่อน เป็นลมกัน ทุกคนน้ำตากลบหน้า
ทันออกจากธนาคารมาเงียบๆ วิธีเลี้ยงลูกไม่ให้เสียคนของพ่อได้ผล สังคมแทบลืมหนุ่มหน้ามนคนนี้
ความสงบมีอยู่ได้ไม่นาน สาวใช้ในบ้านเริ่มมีอาการแปลกๆ บางคนลงทุนไปแต่งหน้าทำผมทุกวัน ก่อนมาทำงาน บางคนเป็นลมทุกครั้งที่ ทัน สั่งให้ทำอะไร
วันนี้แม่ครัวอายุหกสิบสองก็เป็นลมคาครก
"ทำไมล่ะลูก" แม่สงสัย
"ไม่ทราบฮะ ทันแค่ขอรับประทานส้มตำใส่ปลาร้า ป้าเพ็ญแกก็เป็นลมไปเลย" หนุ่มน้อยปลง "สงสัย ทัน ต้องหัดตำส้มตำกินเอง"
นางสาวไทย พ.ศ. ใหม่ล่าสุด ขอมาสมัครเป็นแม่ครัวแทน เพื่อนบ้านร่ำลือกันว่าบ้านทันมีเทพมาสถิตย์อยู่
หนังสือพิมพ์ส่งช่างภาพและนักข่าวมาพิสูจน์ ช่างภาพและนักข่าวเป็นลมกันเป็นแถว เป็นแถวยาวเลยจริงๆ ด้วย แล้วพอฟื้นขึ้นมาทุกคนก็ไปแจ้งหนังสือในสังกัดของตัวว่า "อะสตาร์อิส บอร์น"


"หนังสือเป็นสิบๆ เล่มมาขอรูปลูกขึ้นปก" แม่ปรารภในเวลาอาหารเย็น อาหารมื้อนี้อร่อยมาก แม่ทำเอง แม่ต้องให้แม่ครัวและสาวใช้ออกหมด บ้านนี้ใช้ยาดมกัน เ ป ลื อ ง ม า ก ค่ายาดมเปลืองท่วมท้นค่าแรงคนงาน
"แล้วคุณคิดอย่างไร" พ่อลดกล้องยาเส้นจากมุมปาก ขยับแว่นกรอบทองน้อยๆ พ่อไม่เคยใส่แว่นหรือสูบกล้อง เพิ่มมาหัดก็ตอนมีนักข่าวสาวๆ ขึ้นบันไดกันมาเป็นเทือก พ่อคิดว่ามันน่าจะทำให้พ่อสง่า ภาคภูมิ
"ลูกคิด่าอย่างไรสำคัญกว่า" แม่โยนกลองมาให้ ทัน รับ ทันรับกลองมาตีเบาๆ
"ทันไม่ค่อยสนใจหรอกฮะ แต่มีหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มหนึ่ง ใช้ผู้ชายอ้วนๆ ใส่แว่นขึ้นหน้าปกตลอด"
"อ๋อ ขายหัวเราะ กับ มหาสนุก" แม่เฉลย
"นั่นแหละฮะ เขาคงหานายแบบอื่นขึ้นปกไม่ได้จริงๆ ทันสงสารเขา อยากช่วยเขา ให้ ทัน ไปถ่ายปกให้เขาก็แล้วกัน เดี๋ยวคุณอ้วนใส่แว่นนั่นแกจะตรากตรำเกินไป"
แม่ดีใจที่ลูกชายโทนเป็นคนดีมีน้ำใจ แม่รีบติดต่อไป ขายหัวเราะ มหาสนุก บ.ก. โกรธใหญ่ บอกว่าต้องติดสินบนนักเขียนการ์ตูนแทบหมดตัวนะนั่น ก่อนจะได้ขึ้นปกแต่ละทีๆ
"เฮ้อ โลกนี้มันช่างซับซ้อนซ่อนเงื่อนเสียจริง ทันกลับเข้าตู้นิรภัยของธนาคารดีกว่า" หนุ่มน้อยชักเซ็ง
"อย่าเพิ่งเซ็งๆ" แม่รีบปลอบโยนเอาใจ ทัน เป็นเด็กอ่อนไหว รักสายลม แสงแดด และเสียงเพลง "ยังมีค่ายเทปเยอะแยะอยากให้ลูกเป็นศิลปินเดี่ยว เมื่อวาน ไมเคิล แจ๊คสัน ก็โทรฯ มาขอนัดพบ"
"เขาดังแล้ว ปล่อยเขาไปเถอะ แม่ เราไปช่วยค่ายเทปที่กำลังจะเจ๊งดีกว่า" ทันยังเอื้ออารี
"ค่ายหนัง โทรทัศน์ก็ติดต่อมา อยากให้ ทัน เข้าสังกัด"
"เอาค่ายที่ขาดแคลนนะแม่ อย่าเอาค่ายที่รวยแล้ว ช่วยคนกำลังลำบากเป็นกุศลสูงกว่า"
"แม่งงมากตอนเขาติดต่อมามากมายหลายสิบค่าย เลยให้เขาจับฉลาก ลูกต้องไปอยู่กับค่ายห้าดาว"
"อ๋อ ที่ขายไก่ย่างเต็มบ้านเต็มเมืองนั่นเอง ดีสิครับ ทัน ชอบกินไก่ย่าง ตอนอยู่ธนาคาร ผู้จัดการจัดโต๊ะจีนเลี้ยงทุกวัน ทันเบื่อมาก"
"เขาจะให้ลูกเล่นหนังเรื่อง ประโปรงยาว-ขาสั้น" แม่เฉลย
"ทำไมชื่อมันแปลกอย่างนั้นล่ะ แม่" ทันงง
"แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน คงเป็นเรื่องวัยรุ่นนุ่งกระโปรงยาวๆ ใส่กางเกงขาสั้นๆ กันละกระมัง"


วันแรกที่เดินเข้าค่ายห้าดาว พนักงานต้อนรับสาวสวยเป็นลมกันอีกตลบ พระเอกเก่าๆ ขอลาออกกันเป็นแถวทิว นางเอกก็วิ่งหนี ไม่มีใครยอมประกบคู่กับ "ทัน โทนิค" ผู้กำกับปวดหัวเจียนคลั่ง
"ทันเสียในจริงๆ ครับ ที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น"
"อ๋อ นั่นเรื่องเล็ก เรื่องเล็ก" คุณชาติชาย ผู้กำกับปลอบ "พนักงานต้อนรับที่นี่ต้องแสร้งเป็นลมกันบ่อยๆ ทุกครั้งที่ดาราชายหน้าใหม่เดินเข้ามา มันทำให้บรรดาดาราชายหายประหม่า นั่นไง ลุกขึ้นทำงานกันแล้ว"
"อ้อ" ทัน ถอนหายใจโล่งอก "แล้วที่พี่ๆ พระเอกรุ่นก่อนๆ วิ่งหนี...ขอลาออก..."
"อ๋อ พวกนั้นวิ่งหนีกันทุกงานอยู่แล้ว เขาจะได้อู้เอาเวลาไปพักผ่อนหลับนอน พวกนี้เวลาบุรุษไปรษณีย์เดินเข้ามาส่งจดหมาย ยังทำเป็นกรี๊ดกร๊าด วิ่งหนีกันเลย"
"แล้วเรื่องนางเอก..."
"นั่นแหละ ปัญหาหลัก ไม่มีใครยอมประกบคู่กับ ทัน โทนิค เขากลัวเธอหน้าหวานกว่าใสกว่าบนจอ เขาแนะให้เธอไว้หนวด จะได้รู้ว่าใครเป็นพระเป็นนาง"
"ทันไว้หนวดไม่ได้หรอกครับ ทันยังไม่มีหนวด"
"อ้าว สิบเจ็ดแล้วไม่ใช่เรอะ"
"ใช่ครับ แต่ ทัน เป็นหนุ่มใส ต้องใสอยู่ตลอด กินน้ำแข็งก้อนยังไม่ได้เลย ต้องกินแต่น้ำแข็งใส"
นางเอกร่วมสมัยเดินเข้ามา เธอใส่กระโปรงยาว ขาโผล่ออกมาสั้นนิดเดียว ทันเห็นแล้วก็ได้คิด
"คนนี้ไม่ได้วิ่งหนีนะครับ" ทันลุกลี้ลุกลน "แน่ะ แน่ะ ใส่กระโปรงยาวขาก็สั้นด้วย แน่ะ" ทันตื่นเต้น
"เขาไม่ได้ขาสั้น ขามันโผล่ออกมานอกกระโปรงนิดเดียวต่างหาก" คุณชาติชายชักสงสัยว่า ทัน โทนิค ใสหรือติงต๊อง "คนนี้แหละที่ฉันเตรียมให้ประกบคู่กับเธอ"
"ยินดีครับ ผมจะรีบให้พ่อแม่มาสู่ขอ" ทันลุกลี้ลุกลนเพิ่มขึ้นอีกหลายดีกรี "เขาเห็นทัน แล้วไม่วิ่งหนี ไม่เป็นลม เขาน่ารักจัง"
"เขาชื่อใบเฟิร์น แล้วก็ไม่ต้องให้พ่อแม่มาสู่ขอหรอก เขาจะเป็นแฟนเธอก็แต่ในหนัง"
"ว้า" ทัน โทนิค สลด หน้าลดความใสไปนิดๆ เป็นครั้งแรกในชีวิต ผู้กำกับต้องรีบปลอบดาราใหม่แกะกล่อง
"แต่ถ้าเธอทำตัวดี ใบเฟิร์นอาจจะยอมเล่นหนังเป็นแฟนเธอไปหลายๆ เรื่องก็ได้นะ"
"ทันจะพยายามอย่างที่สุดครับ" พระเอกหน้าใหม่สัญญาเสียงสั่น ในตู้นิรภัยของธนาคาร ไม่เคยมีคนสวยๆ อย่างใบเฟิร์นเข้าไปเยี่ยมเขาเลย
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" ใบเฟิร์นหันมาทักทัน
"ผมไม่หล่อหรือครับ" ทันขาดความมั่นใจเป็นครั้งแรกในชีวิต ไม่เคยมีผู้หญิงอายุเกินแปดเดือน และต่ำกว่าแปดสิบคนไหน มองตาทันอย่างปกติได้เหมือนใบเฟิร์น
"คุณหล่อค่ะ แต่นั่นไม่สำคัญอะไรเลย
'คนจะงามงามน้ำใจใช่ใบหน้า
คนจะสวยสวยจรรยาใช่ตาหวาน
คนจะแก่แก่ความรู้ใช่อยู่นาน
คนจะรวยรวยศีลทานใช่บ้านโต'
จริงไหมคะ" ใบเฟิร์นยิ้มสวยใส่ตาหนุ่มน้อย
"หนุ่มคนนี้เขางามทั้งน้ำใจทั้งใบหน้า สวยทั้งจรรยาทั้งตาหวาน แก่ความรู้ทั้งๆ ที่อยู่ได้เพียงสิบเจ็ดปี แต่ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในห้องนิรภัย เขาอ่านเอนไซโคลพีเดียจบไปเป็นชุดๆ แล้วบ้านของเขาก็ใหญ่โตมาก" คุณชาติชายเสริม
"ทันไม่รู้หรอกครับว่าบ้านใหญ่ไหม ยังไม่เคยมีใครเดินรอบเลย ไม่มีใครบอกได้" ทันตอบไร้เดียงสา
"แต่ถ้ารักจะมาแสดงหนังละก็ คุณคงอดอ่านเอนไซโคลพีเดียอีกแน่ แค่อ่านข่าวตัวเองก็ท่วมท้นแล้ว" ใบเฟิร์นแสดงภูมิ เธออายุสิบหกและเล่นหนังมาเรื่องหนึ่งแล้ว ใบเฟิร์นถือตัวว่ามีประสบการณ์เหนือกว่า ทัน เยอะ
"อ่านไปทำไมกันครับ ข่าวตัวเอง" ทันสงสัย
"คืออย่างนี้นะ" ผู้กำกับอธิบาย "เราจะต้องสร้างเธอให้เป็นดาราใหญ่ ดาราใหญ่จะต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี ไม่เสพสุรา ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีแฟน"
"แต่ทันอยากมีแฟนครับ ตั้งแต่พบหน้าใบเฟิร์น ทันอยากมีแฟนเดี๋ยวนี้เลย"
"ถ้ามีเฟิร์นชื่อใบแฟน เอ๊ย มีแฟนชื่อใบเฟิร์นก็ได้ ทางเราไม่ขัด เพราะมันจะช่วยโปรโมทหนัง" ผู้กำกับตัดสิน "แต่ห้ามเป็นแฟนกับคนอื่น"
"เป็นแฟนกับตัวอิจฉาบ้างก็ได้ โปรโมทได้เหมือนกัน แล้วก็มีข่าวสาวๆ แย่งคุณกันจนต้องขึ้นโรงพัก อะไรอย่างเงี้ย ถือว่าเป็นภาพบวก" ใบเฟิร์นแสดงภูมิอีกแล้ว
"ไหน ถอดกางเกงซิ" คุณชาติชายสั่ง
"ฮึ ถ้าใบเฟิร์นบอก ทันจะทำทันที แต่คุณผู้กำกับสั่งนี ทันไม่มีมู้ดเลย โนมู้ด โนมู้ดครับ"
"จะบ้าเรอะ ทำไมต้องมีมู้ด บทที่คุณจะเล่นต้องนุ่งกางเกงขาสั้น ให้มันตัดๆ กับกระโปรงยาวๆ ของใบเฟิร์นไง ผมอยากจะรู้ว่าช่วงขาของคุณโชว์ได้ไหม"
"โชว์ได้ทุกส่วนแหละครับ ทันเกิดมาอย่างพระเจ้าบรรจงสร้าง อ้อ พ่อกับแม่ก็มีส่วนบ้างนิดๆ หน่อยๆ"
"อย่างงั้นก็ดีแล้ว เธอจะได้เป็นพระเอกให้ค่ายห้าดาวของเรา อนาคตของเธอจะก้าวไกล เออ เธอสูงเท่าไร"
"ร้อยแปดสิบเอ็ด ซม. ตอนวัดครั้งสุดท้ายครับ" ทันตอบนอบน้อม
"แหม วิเศษ วิเศษ ถ้าเตี้ยกว่าร้อยแปดสิบเข็นไม่ค่อยขึ้น มันไม่ได้ระดับอินเตอร์ ฉันจะเข็นเธอให้ดัง ให้มีชื่อเสียง" คุณชาติชายให้สัญญา
"ทันมีชื่ออยู่แล้วครับ เสียงก็มี เสียงดีด้วย แม่บอกว่าทันร้องเพลงเพราะครับ"
"ฉันจะช่วยให้เธอรวย อีกหน่อยก็มีบ้าน มีรถ"
"ดีจังครับ ที่บ้านที่อยู่วันนี้ไม่เป็นบ้านเสียเลย ใครๆ ก็เรียกมันว่าคฤหาสน์ ส่วนรถ ขอเท่าไรพ่อก็ไม่ให้ บอกว่าในบ้านยี่สิบสี่คัน ให้นั่งกันทั่วเสียก่อน เต็มทีครับ ทันไม่มีอะไรเลย"
"อีกหน่อยเธอก็ต้องพกแพคลิ้ง โฟนลิ้ง โทรศัพท์มือถือ"
"ไชโย ทันขอแม่มานานแล้ว แม่ไม่ให้พกครับ บอกเดี๋ยวไหล่ลู่ ให้คนรถกับบอดี้การ์ดถือแทน ทันไม่มีอะไรเล้ย"
"เธอจะมีคนรู้จักทั่วเมือง"
"หรือครับ เอ แล้ว ทัน จะต้องรู้จักคนทั่วเมืองไหมนี่"
"ถึงไม่รู้จักก็ต้องแกล้งทำว่ารู้จัก ว่าจำได้" ใบเฟิร์นสอนอีกแล้ว
"มีจดหมายมาถึงวันละเป็นร้อยๆ" คุณชาติชายโอ่ต่อ
"ดีจริงๆ ทุกวันๆ นี้ทันทีจดหมายมาหาเป็นพันๆ ต้องใช้เลขาฯ ห้าคนตอบ ถ้ามีมาแค่เป็นร้อยคงเบาแรงกันไปเยอะเชียวครับ ค่าซองค่าแสตมป์ก็จะได้ลดลงจากเดือนละเป็นแสนห้า"
คุณชาติชายกับใบเฟิร์นหันมามองหน้ากัน
"เอ ทัน เธอเข้ามาในวงการทำไมน่ะ"
"คือค่ายเพลงโทรฯ ไปตื้อให้ผมเป็นศิลปินเดี่ยววันละหลายๆ ค่าย หนังสือทั้งหลายทั้ง นวลนาง ทั้ง แปลก ทั้ง ชีวิตมหัศจรรย์ ชอบโทรฯ มาขอให้ทันขึ้นปกครับ มีแต่หนังสือ ขายหัวเราะ กับ มหาสนุก ที่ไม่รับครับ คือที่นั่นเขาเจอปัญหานายแบบอ้วนๆ ใส่แว่นตาผูกขาด เลยไม่เคยติดต่อมา ค่ายหนังสังกัดละคร ก็โทรฯ มาเพียบ แม่ขี้เกียจปฏิเสธครับ เลยส่งทันเข้าค่ายห้าดาว ให้ค่ายปฏิเสธให้แทน แย่ครับ แย่ ชีวิตบัดซบ"
"ชีวิตใครบัดซบ" ผู้กำกับสงสัย
"นั่นแน่ ทำเป็นจำไม่ได้ หนังในดวงใจของทันเชียวนะนั่น คุณเพิ่มพล เชยอรุณ กำกับ อีกเรื่องก็ประสาท คุณเริงศิริ ลิมอักษร กำกับ เดี๋ยวนี้สองคนนั่นไปกำกับหนังในสวรรค์ครับ พวกเทวดาดูกันจนไม่เป็นอันกินอันนอน"
"แล้วเรื่อง กระโปรงยาว-ขาสั้น ล่ะ"
"นางเอกสวยดีครับ" ทันรีบตอบรับ ใบเฟิร์นยิ้มเขิน เอานิ้วทั้งห้าอมในปาก
"นั่นเป็นเหตุผลที่ดี" ผู้กำกับพอใจ "เออ ใบเฟิร์น บางทีผมอยากจะเปลี่ยนชื่อหนังเป็น กระโปรงบาน-ขาสั่น จะดีไหมนะ" คุณชาติชายปรึกษา
"ว้าย กรี๊ด ไม่ยอม ใบเฟิร์นอุตส่าห์หัดนุ่งกระโปรงยาวเดินขาสั้นแทบตายกว่าจะคุ้น จะให้มาหัดนุ่งประโปรงบานเดินขาสั่นอีก ใบเฟิร์นไม่ยอมหรอก"
"ทำไมไม่สร้างเรื่อง กระโปรงบาน-ขาสั้นล่ะครับ ให้ใบเฟิร์นนุ่งกระโปรงบานนุ่งกระโปรงบาน ให้ทันนุ่งกางเกงขาสั้น สมกันจะตาย" ทันเสนอพร้อมทำหน้าหล่อ สาวๆ ประชาสัมพันธ์ค่ายห้าดาวสลบกันอีก คราวนี้สลบจริงๆ เลย