Thursday, July 30, 2009

กุหลาบดำ

น้ำอบ

หญิงในชุดสีดำรัดรูปนั่งตวัดพู่กันในมืออย่างคล่องแคล่ว ผืนผ้าใบบนขาหยั่งรอบๆ กายที่ว่างเปล่าอยู่หลายผืนเมื่อสองนาทีก่อน เปลี่ยนแปรเป็นภาพเขียนแบบจีนงดงามน่าพิศวง โน่นรูปนกกระเรียนโก่งคอ โน่นรูปเซียนบนยอดเขา นั่นรูปกอไผ่ ไกลออกไปเป็นฝูงนกโบยบิน
โอ...เธอช่างเป็นศิลปินยอดอัจฉริยะ
"คุณเรียนจบมาจากที่ไหนคะ" นักข่าวสาวมาสัมภาษณ์
"คณะอักษรศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง" เธอตอบเรียบๆ มือวุ่นกับการวาด...วาด...วาด...
"โอ... แล้วคุณวาดภาพเป็นได้อย่างไรคะ" นักข่าวสาวทึ่งจัด
"ฉันเป็นผู้หญิง ผู้หญิงเก่งรุ่นฉันต้องเรียนอักษรศาสตร์ เรียนอย่างอื่นไม่ได้ เสียฟอร์ม ถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันก็ต้องเป็นหมอหรือวิศวกร เรียนอย่างอื่นไม่ได้ เสียฟอร์มอีกแล้ว เพราะฉะนั้น การเข้าเรียนอักษรศาสตร์ และได้รับปริญญาเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง พิสูจน์ว่าฉันเป็นอัจฉริยะ อัจฉริยะทำอะไรก็ดีไปหมด"
"อ้อ !" นักข่าวสาวคิดจะหมั่นไส้ เธอจบนิเทศน์ศาสตร์ คณะยอดนิยมของหนุ่มสาวยุคใหม่ ความหมั่นไส้ลดลงเมื่อเธอมองร่างแบบบางในชุดรัดรูป ใต้ลำคอเหี่ยวย่น และใบหน้าที่มีริ้วรอยประดับ จนน้ำยารีดเรียบใดๆ ก็คงรั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ เฮ้อ...
"คุณยายเรียนจบ พ.ศ. สองพันสี่ร้อยเท่าไรคะ" นักข่าวสาวถามแกมเย้ย
"เรียกพี่ดีกว่า จบมา...เอ้อ... จบมาไม่กี่ปีมานี่แหละ ชักเลือนๆ อย่าเรียกยายซิหนู เอ๊ย ! น้อง ฟังแล้วปวดหัว"
หญิงในชุดดำหันหายาหอม
"หมากฝรั่งไหมคะ"
"ก็ดี" เธอรับมาเคี้ยวหยับๆ "ฉันไม่ได้ลิ้มรสหมากฝรั่งมาหลายสิบปีแล้ว"
"คนรุ่นคุณ.... เอ้อ... คุณพี่ คงชอบเคี้ยวหมากไทย" นักข่าวสาวซัก ซักจริงหรือประชดให้ก็ไม่รู้ จิตรกรหญิงค้อนขวับ
"ถามให้มันเข้าเรื่องเข้าราวหน่อย"
"ค่ะ ค่ะ เอ้อ...ทำไมใครๆ ถึงเรียกคุณว่า 'กุหลาบดำ' คะ"
เธอไม่ตอบ แต่ตวัดลายเซ็นตรงมุมภาพที่เพิ่งวาดเสร็จทั้งสองโหล เป็นรูปดอกกุหลาบสีดำเล็กๆ ภาพละดอก นักข่าวสาวเห็นคาตาอย่างนั้น จึงรีบวิ่งกลับไปปิดคอลัมน์ส่งโรงพิมพ์


นึกย้อนหลังไปเมื่อหกสิบกว่าปีก่อน พ่อกับแม่ตั้งชื่อให้เธอว่า 'โรส' สมัยนั้นคนพากันเห่อฝรั่ง คำว่าเอกลักษณ์ไทยแทบไม่เคยมีใครพูดถึง
แล้วเมื่อสี่สิบปีก่อน โรสก็รู้จักความรัก เป็นความรักแรก รักแท้ รักเดียว
เธอรักครูสอนวาดเขียน เขาเป็นหนุ่มช่างฝัน ใบหน้ายาวตาตี่ขาววอก เพราะเขาเป็นคนจีน
ตี๋หนุ่มอัจฉริยะวาดภาพจีนด้วยฝีมือแม่น ในขณะที่ภาพสีน้ำมันวาดผิดแก้ใหม่ได้มากครั้ง ภาพสีน้ำเพิ่มความเข้มข้นและรางจางได้ คนที่ใช้พู่กันจีนไม่สามารถผิดพลาดได้เลย การตวัดลายเส้นแต่ละครั้ง ฝีมือจะต้องแน่วนิ่งและแม่นยำ
ตี๋หนุ่มของเธอแม่นยำและเก่งกล้า เขาตวัดปลายพู่กันหนเดียวก็วาดภาพลายเส้น เดอะ ลาสต์ ซัปเปอร์ ของพระเยซู ที่มีคนร่วมโต๊ะอยู่ร่วมสิบคนได้เลย เลโอนาร์โด ดา วินชี วาดภาพโมนาลิซาจนโด่งดัง เขาวาดโมนาลิซาเต้นระบำ 'แคนแคน' ได้ด้วยการตวัดปลายพู่กันเพียงครั้งเดียว เขามีฉายาว่า 'จิตรกรพู่กันฝีแปรงเดียว'
เขาฝีกฝนจนโรสได้เป็นจิตรกรสองฝีแปรง เป็นรองก็แต่คุณครูตี๋หนุ่มของเธอ
คุณครูขอพ่อแม่ตามมาสอนให้โรสเป็นพิเศษที่บ้าน เขาบอกพ่อแม่ว่า โรสมีแววได้เป็นจิตรกรใหญ่ ถ้าให้เขาช่วยส่งเสริมสั่งสอนเธอจะไปได้ไกล เขาไม่ได้บอกพ่อกับแม่ว่า แรงดึงดูดใจอีกประการหนึ่ง คือ เธอเป็นลูกศิษย์คนเดียวในห้องท่ต้องใส่คัพซี
"เมื่อไรฉันจะได้เป็นจิตรกรฝีแปรงเดียวบ้างคะ ครู"
"นั่นเป็นสิ่งที่เฮีย เอ๊ย ! ครู จะต้องสอนเธออย่างใกล้ชิด"
ครูสอนเธออย่างใกล้ชิดทีเดียวครั้งเดียว ยังไม่มีโอกาสใกล้ชิดอีก โรสก็บอกครูว่าเธอท้อง
"ครั้งเดียวเนี่ยนะ" ครูหนุ่มโวย โรสพยักหน้าช้าๆ
"ฉันอยากจะต่อว่าครูจริงๆ แล้วนี่ฉันจะทำอย่างไร ฉันยังวาดภาพฝีแปรงเดียวไม่เป็นเลย"
"หัดพับผ้าอ้อมก่อน" ครูปลงก่อนเดินไปสู่ขอโรสกับพ่อแม่
"เตี่ยผมอยู่แผ่นดินใหญ่ อาม้าอยู่ฮ่องกง ผมเลยรีบมาสู่ขอคุงรสด้วยตัวเอง"
"ฉันไม่รู้จักใครชื่อแบบนั้น ครูคงขอผิดบ้าน" แม่ตัดบท พ่อรีบนั่งหันหลังให้
"เขาหมายถึงหนูน่ะค่ะ" โรสรีบแสดงตัว
"ฉันจะไม่ยอมมีลูกเขยเจ๊ก" แม่ประกาศ ครูเดินคอตกออกจากห้องไป
"แต่..หนูท้องนะคะ" โรสสารภาพ แม่รีบสั่งพ่อให้ไปซื้อตะกร้าหวายใบใหญ่ๆ เธอจะจับโรสใส่ตะกร้าล้างน้ำ
"ล้างไม่ออกหรอกค่ะ โธ่ ! แม่ให้หนูแต่งงานกับครูเถอะ"
"แม่ส่ายหน้า พ่อรีบแต่งตัวจะออกไปหาซื้อตะกร้าหวาย
"ฉันไม่มีวันรับเจ๊กเข้าบ้าน"
"ถึงเขาเป็นคนจีนแต่เขาชื่อ 'ไมเคิล ฮอง' นะคะ"
"งั้นเรอะ" แม่ชักสนใจ "เขาจะยอมเปลี่ยนนามสกุลเป็น 'แจ๊กสัน' ไหม"
"หนูจะลองถามเขาดู"
"ถ้าเขายอมก็ โอเค"
พ่อลงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ตามเดิม ดีใจที่ไม่ต้องไปหาซื้อตะกร้าใบใหญ่พอที่จะใส่ผู้หญิงคัพซี


โรสรีบวิ่งมาบอกข่าวดีครูตี๋หนุ่ม
"แม่ยอมให้เราแต่งงานกันแล้วละ มีแค่ข้อตกลงอีกนิดๆ หน่อยๆ ที่ต้องเจรจารายละเอียดกัน"
"สายเสียแล้ว" ตี๋หนุ่มส่ายหน้า "อั๊วเป็นจิตรกรฝีแปรงเดียว อั๊วทำอะไรทำครั้งเดียว ไม่เคยทำอะไรซ้ำสอง"
"แต่ครูมาสอนฉันทุกวัน"
"ก็วันละครั้งเดียว"
"ครูกินข้าววันละกี่มื้อ"
"มื้อเช้าวันละมื้อเดียว มื้อกลางวันวันละมื้อเดียว มื้อเย็นวันละมื้อเดียว" ครูส่ายหน้า น้ำตาคลอ
"แล้วครูจะ...เอ้อ... ใกล้ชิดฉัน แบบวันนั้น...ครั้งเดียวเหรอ" โรสสยอง
"ครั้งเดียวเธอก็ท้องแล้ว" ครูค้อนควัก "อั๊วไม่เคยทำอะไรซ้ำสอง"
ด้วยน้ำตานองหน้า ครูหนุ่มคว้าคัตเตอร์บนถาดเครื่องวาดเขียนมาตัดเส้นเลือดใหญ่ที่ข้อมือ โอ...ช่างมหัศจรรย์แท้ คนบางคนตัดข้อมือฆ่าตัวตายทั้งสองข้าง หมอยังช่วยให้รอดได้ นี่ครู ! ไมเคิล ฮอง ตัดข้อมือตัวเองข้างเดียวก็ได้ตายทันทีสมใจ ช่างสมสมญานามว่า 'จิตรกรฝีแปรงเดียว' โดยแท้
โรสคอตก หน้าสลด เธอเปลี่ยนไปแต่งชุดดำ ชาตินี้เธอจะไม่ยอมใส่สีอื่น เธอจะแต่งชุดดำให้เป็นอนุสรณ์ แด่ความรักที่เขามีต่อเธอ... ชุดดำทำให้เธอผิวผ่องดีด้วย
เปลี่ยนชุดแล้วโรสรีบเรียกสาวใช้มากวาดครูออกจากบ้าน นอนตายเกะกะอย่างนี้ โรสทำงานไม่สะดวก


โรสเริ่มดัง ถึงเธอเป็นจิตรกรสองมีแปรง แต่เมื่อจิตรกรฝีแปรงเดียวตายไปแล้ว โรสก็ไม่เป็นรองใคร ฝีมือวาดพู่กันจีนของโรสขจรขจาย จนแม้แต่ 'ท่านเขมานันทะ' จิตรกรพู่กันจีนคนดังยังมามอบตัวเป็นลูกศิษย์
โรสปฏิเสธ เธออ้างว่าเธอไม่มีความสามารถพอ แต่ที่จริงเธอกลัวกงเกวียนกำเกวียน เธอทำให้ครูของเธอตาย ลูกศิษย์อาจคิดล้างครูเช่นโรสได้เช่นกัน
โรสเสียเวลาวาดรูปไปนั่งในตะกร้าให้แม่ล้างน้ำบ่อยๆ แต่ทว่า... ไม่มีประโยชน์ อีกไม่กี่วันเธอก็จะถึงกำหนดคลอด
แม่กัดฟันกรอดๆ
"ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าคนโบราณจะหลอกพวกเราได้ขนาดนี้ ก็แต่ไหนแต่ไรมาก็บอกว่า ให้เอาลูกสาวใส่ตะกร้าล้างน้ำ ไม่น่าทำกันขนาดนี้เลย...กรอด...กรอด"


โรสคลอดลูกมาเป็นผู้ชายหน้าตาคมสัน ผิวผ่องด้วยสายเลือดพ่อ แต่ตาสวยเหมือนแม่ เธอตั้งชื่อเขาว่า ไมเคิล ฮอง จูเนียร์ เธอจะฝึกเขาให้เก่งเท่าเธอ ถึงจะเก่งเท่า ไมเคิล ฮอง ซีเนียร์ ไม่ได้ เพราะคนสอนตายไปแล้วก็เถอะ
กุหลาบดำจะต้องทิ้งลาย สืบสายเลือดอัจฉริยะไว้ให้แผ่นดิน...
โรสซื้อของเล่นให้ลูก เธอซื้อพู่กันขนหางม้าทุกเบอร์ ผ้าใบทุกขนาด และหมึกจีนเป็นโหลๆ บางคนวาดภาพจีนบนกระดาษ แต่ไม่เคิล ฮอง ซีเนียร์ สอนโรสให้วาดบนผืนผ้าใบ
"มันเป็นอมตะ ทนกว่ากระดาษ คนตายแต่งานไม่ตาย" เขาเคยสอนเธอก่อนฆ่าตัวตายไม่กี่วัน
อ้ายหนูวาดแต่รูปไส้เดือน บางทีก็ยกหมึกจีนขึ้นดื่ม ดื่มเอาๆ หลายๆ วันเข้าผิวที่เคยผ่องผุดผาด ก็เริ่มคล้ำขึ้น...คล้ำขึ้น
งานของกุหลาบดำเป็นที่ต้องการของท้องตลาด โรสจึงไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูก หันมาเห็นอีกทีหมึกดำก็หมดกล่อง อ้ายหนูกลายเป็นนิโกรไปเลย
"เชื่อแม่เถอะ ลูก อย่าไปตั้งนามสกุลลูกว่า ฮอง แฮง เลย เอาแจ๊กสันเถอะ เข้าท่ากว่ากันเยอะ" แม่เดินเข้ามาหาลูกสาว
โรสมัวใจจดใจจ่ออยู่กับงาน เธอเผลอพยักหน้า แม่ดีใจใหญ่ จะวิ่งออกจากห้องไปบอกพ่อ แล้วบังเอิญให้หันมาเห็น ไมเคิล ฮอง จูเนียร์ ผู้กำลังจะได้นามสกุลใหม่ว่า 'แจ๊กสัน'
"นั่นตัวอะไรน่ะ"
"ไมเคิลค่ะ" โรสวาดภาพมังกรดั้นเมฆ
"ทำไมดำปี๋ออกอย่างนั้น ตอนเกิดก็ขาวๆ ดีอยู่"
"เขาชอบดื่มหมึกจีน" โรสวาดภาพนางงามลูกท้อ
"แล้วจะตายไหมนี่ แม่ต้องรีบไปเปลี่ยนนามสกุลแกแล้ว มรณบัตรจะได้น่าประทับใจ"
"ไม่ตายหรอกค่ะ" โรสวาดภาพดอกโบตั๋น "หนูถามหมอแล้ว หมอบอกว่าอีกสิบปีสีผิวที่ดำจะเริ่มจางลง พออายุได้ยี่สิบกว่าๆ ก็จะขาวเหมือนเดิม"
"งั้นเรอะ" แม่ถอนใจโล่งอก "ลูกต้องดูแลแกมั่ง"
"อ้อแอ้ อ้อแอ้" อ้ายหนูตัดพ้ออีกคน
"อัจฉริยะอย่างหนูไม่ค่อยมีเวลา" โรสปัดภาระ "ส่งไปโรงเรียนประจำซิคะ"
"เออ... แม่ลืมบอกไป เพื่อนๆ แม่จะมาแวะบ้านเรา เขามาจากอเมริกา เอาลูกสาวมาด้วยสองคน ชื่อ 'ลาโทย่า' กับ 'นาตาลี' "
"ก็ดีค่ะ" โรสตอบใจลอย "แม่มีแต่เพื่อนฝรั่ง"
"แม่เป็นโรคเห่ออิทธิพลตะวันตก เพื่อนๆ พวกนี้เป็นนิโกร แต่นามสกุลเก๋ดี ก็ 'แจ๊กสัน' ที่แม่ยืมมาตั้งให้อ้ายหนูของเราไง"
"อ้อ ! ค่ะ" โรสชักรำคาญแม่ที่พูดมาก
"อ้อ แอ้ อิ๋ว อิ๋ว" อ้ายหนูหิวอีกแล้ว เอ๊ะ ! แม่ก็พูดมาก ลูกก็ชักเริ่มพูดมากขึ้นมาอีกคน นี่ถ้าอ้ายหนูพูดคล่อง เธอคงรำคาญปางตาย เธอหยิบหมึกจีนขวดที่ใช้อยู่ส่งให้อ้ายหนูดื่มอย่างใจลอย เอ...ส่งคัตเตอร์อันเก่า ที่ครูตี๋ใช้ฆ่าตัวตายให้มันมั่งดีไหมเนี่ย
"ลูกไม่ค่อยดูแล ไมเคิล แจ๊กสัน เลย เดี๋ยวอีกหน่อยมันโตขึ้น ให้สัมภาษณ์ใครๆ ว่าตอนเด็กๆ พ่อแม่ไม่ดูแล ลูกจะต้องอายคนทั้งโลก พวกแจ๊กสันเพื่อนแม่ซิ เขาเอาใจใส่ลูกดีทุกคน"
"ฝากเขาเลี้ยงไมเคิล ฮอง เอ๊ย ! ไมเคิล แจ๊กสัน อีกคนได้ไหมคะ" โรสอ้อน "ลูกกวน หนูทำงานได้น้อยลงเยอะเลย วันๆ วาดได้แค่สามร้อยภาพ ผลผลิตตกต่ำ แกลเลอรี่ด่าเช้าด่าเย็น"
"อ้อ แอ้ แอ้ แอ๊ แอ๊ะ" อ้ายหนูครวญคราง
"เอ... รู้สึกไมเคิลจะหัดร้องเพลงนะ" แม่ออกความเห็น
"ร้องเพลง !" โรสผุดลุกขึ้นเดินวน "หนูคงทนไม่ได้ อัจฉริยะต้องทำงาน ศิลปินต้องมีอารมณ์ จิตรกรต้องมีแรงบันดาลใจ แม่เอาอ้ายหนูทิ้งขยะไปได้ไหม"
"อย่างนั้นต้องทำตอนแรกเกิดเขาถึงจะนิยมกัน แต่แหม...มันไม่โหดไปหน่อยเหรอ เอาอย่างนี้ แม่จะลองฝากแจ๊กสันเขาให้เลี้ยงอ้ายหนูให้จนมันโตแล้วกัน"
อ้ายหนูคว้าไม้กวาดมาตวัดกวัดแกว่ง
"ตามใจแม่เถอะ" โรสวาดรูปเซียนเหยียบพรมวิเศษ เห็นไหม อ้ายหนูทำให้เธอสับสนหมดแล้ว
อ้ายหนูผ้าอ้อมเปียก ไมเคิล แจ๊กสัน พยายามลูบผ้าอ้อม บอกแม่ให้เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ แม่ไม่สนใจ อ้ายหนูแค้นแสนแค้น คอยดูนะ ถ้าพวกแจ๊กสันเขารับไมเคิลไปเลี้ยง ไมเคิล แจ๊กสัน จะไปแล้วไปลับ ไม่กลับมาเยี่ยมแม่เฮงซวยคนนี้เลย ไมเคิลจะลืมชีวิตอันแสนอาภัพ วันๆ ได้กินแต่หมึกดำให้หมด ไมเคิล จะอยู่แต่ในโลกที่เต็มไปด้วยของเล่น ของเล่นและของเล่น ไมเคิลลูบเป้าผ้าอ้อมอีกครั้งให้แม่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ ไม่มีใครสนใจเลย
"พวกแจ๊กสันมากันแล้ว โอ...'ลาโทย่า' กับ 'นาตาลี' น่ารักจัง"
ไมเคิลคลานตามยายและเพื่อนพ้องออกไป โรสดีใจ เธอได้ทำงานโดยไม่มีใครมาขัดจังหวะ


โรสได้ทำงานสะดวกสมใจ แม่บอกว่าพวกแจ๊กสันยินดีรับเอาไมเคิลไปเลี้ยงให้
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว โรสเริ่มคิดถึงลูก แต่...อนิจจา ไมเคิล แจ๊กสัน ไม่ยอมรับเธอเป็นแม่
กุหลาบดำน้ำตาตกใน เธอผิดไปแล้ว เธอรักงานหลงงาน และบัดนี้เธอก็มีแต่งานอย่างเดียวในชีวิต
โรสเก็บความทุกข์ของเธอไว้ในอก อกอันเดิมที่เคยอยู่ในคัพซีนั่นแหละ
ไมเคิล แจ๊กสัน มาเมืองไทย แต่เขาไม่ถามถึง ไม่แวะมาหาแม่เลย
กุหลาบดำนั่งน้ำตาไหลอยู่ท่ามกลางผืนผ้าใบอย่างเดียวดาย

No comments: